ฉะเชิงเทรา - ชาวบ้านท่าข้ามน้อย อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ฮือไล่ ผอ.โรงเรียน อ้างบริหารงานไม่โปร่งใส ใช้วาจาหยาบคาย ไม่ให้คนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสถานศึกษา ทำโรงเรียนตกต่ำ ขีดเส้นให้ออกไปพ้นพื้นที่ทันที
วันนี้ (7 ก.ค.) ที่โรงเรียนบ้านท่าข้ามน้อย (ศรีวิไลประชาสรรค์) ตั้งอยู่เลขที่ 63/2 ม.4 ต.หัวไทร อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ได้มีชาวบ้านกว่า 50 คน ได้มารวมตัวกันพร้อมติดป้ายผ้าข้อความขับไล่ นางสุภานัน เสน่หา ผอ.โรงเรียนให้ออกไปให้พ้นจากพื้นที่ โดยอ้างเหตุว่า บริหารงานภายในโรงเรียนไม่โปร่งใส ใช้วาจาหยาบคายไม่สุภาพ ไม่ให้เกียรติชาวบ้าน และครูชั้นผู้น้อย ทำลายขวัญกำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชาในการทำงาน ทำสถานศึกษาตกต่ำ เด็กอ่านหนังสือไม่ออกเขียนไม่ได้
โดย นางนิภา เกตุแก้ว อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84/4 ม.4 ต.หัวไทร กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ นางสุภานัน ย้ายเข้ามาเป็น ผอ.โรงเรียน ทำให้เด็กนักเรียนซึ่งเดิมมีอยู่จำนวนถึงกว่า 100 คน ได้ย้ายหนีกันออกไปหมดจน เหลือนักเรียนเพียงแค่ 64 คน ขณะที่เด็กที่ยังคงเรียนอยู่นั้นอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ เพราะผู้บริหารไม่ใส่ใจในการพัฒนาการเรียนการสอน โดยมัวแต่เล่นแชตโปรแกรมไลน์ผ่านมือถือ และโทษแต่ครูชั้นผู้น้อยว่าบกพร่องต่อหน้าที่
สำหรับการบริหารงานภายในโรงเรียนนั้นยังไม่มีความโปร่งใส มีการใช้เงินที่ชาวบ้านบริจาคให้แก่ทางโรงเรียนเพี่อเป็นทุนอาหารกลางวันแก่เด็กไป โดยที่ไม่ได้มีการชี้แจงให้แก่ทางคณะกรรมการสถานศึกษาชุดเก่าซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ทราบ และเมื่อชาวบ้าน และคณะกรรมการสถานศึกษาทวงถาม กลับถูกทาง ผอ.โรงเรียนปลดออกยกแผง จากนั้นได้แอบไปตั้งคณะกรรมการสถานศึกษาชุดใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งเป็นคนนอกพื้นที่ โดยเป็นการทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว โดยที่ไม่ให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้มีส่วนร่วม รับรู้ในการพัฒนาโรงงานของชุมชนแต่อย่างใด
ด้าน นางสาริณี เล่าตง อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71/2 ม.4 ต.หัวไทร กล่าวว่า จากการบริหารงานภายในโรงเรียนที่ไม่โปร่งใสดังกล่าวแล้วนั้น ชาวบ้านในพื้นที่กว่า 280 ครัวเรือน จึงอยากให้ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 2 ฉะเชิงเทรา ได้ทำการย้ายนางสุภานัน ออกไปจากพื้นที่ เพราะเป็นบุคคลที่ทำให้สถานศึกษาของชุมชนตกต่ำ ไม่มีการพัฒนา และบริหารงานตามแต่ความต้องการของตนเอง ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นใคร ทั้งชาวบ้าน และครูชั้นผู้น้อย ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งที่เขาอยู่กันมาก่อน
นอกจากนั้น ยังใช้วาจาที่ไม่สุภาพไม่เหมาะสม โดยใช้คำพูดส่อเสียด หยาบคาย และข่มขู่ผู้ใต้บังคับบัญชาตลอด บั่นทอนขวัญกำลังใจจนครูชั้นผู้น้อยต้องจำใจขอย้ายหนีออกไปด้วยความไม่เต็มใจ จนปัจจุบัน เหลือครูผู้สอนเพียง 5 คน จากนักเรียนทั้งหมด 6 ชั้นเรียน และ 2 ชั้นเด็กเล็กและอนุบาล อีกทั้งยังได้รับเด็กพิการที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ซึ่งเป็นบุตรหลานของ ผอ.เข้ามาเรียนร่วมกับนักเรียนในชั้นเรียนปกติ และใช้ความรุนแรงทำร้ายบุตรหลานของชาวบ้านไปทั่วทุกชั้นเรียนเกินกว่าที่ชาวบ้านจะรับได้ จึงต้องการใช้ทางสำนักเขตพื้นที่การศึกษา ทำการย้าย ผอ.โรงเรียนออกไปให้พ้นพื้นที่