ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ภัยแล้งคุกคามพื้นที่เกษตรและเพาะปลูกเชียงใหม่ต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ราคาพืชผักทุกชนิดต้องปรับเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว พบผักชี ต้นหอม และขึ้นฉ่าย ราคาพุ่งขึ้นเกือบ 10 เท่าตัว จากกิโลกรัมละ 15-20 บาท เป็น 120-150 บาทแล้ว หวั่นหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายอาจทำให้ผักบางชนิดขาดตลาด
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า สถานการณ์ภัยแล้งและฝนตกทิ้งช่วงส่งผลกระทบอย่างมากต่อพื้นที่เพาะปลูกพืชผักของจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากขาดแคลนน้ำที่จะนำไปใช้ในการเพาะปลูก ทำให้ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้มีจำนวนลดลงและราคาปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยวันนี้ (7 ก.ค. 58) จากการสำรวจการซื้อขายพืชผักที่ตลาดเมืองใหม่ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นตลาดค้าปลีกและค้าส่งผลผลิตการเกษตรใหญ่ที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ และเป็นแหล่งรวบรวมกระจายผลผลิตไปทั่วประเทศ พบว่าราคาขายพืชผักต่างๆ มีการปรับเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือน มิ.ย. 58 ที่ผ่านมาแล้ว
ทั้งนี้ การปรับราคาเพิ่มขึ้นนั้นทางเกษตรกรให้เหตุผลว่าได้รับผลกระทบจากภัยแล้งที่รุนแรงต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นมาก และจำเป็นต้องปรับราคาขายขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจากการสำรวจพบว่าผักทุกชนิดปรับราคาขึ้นเป็นเท่าตัวไปจนถึงหลายเท่าตัว โดยผักคะน้ามีราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 10 บาท เป็น 30 บาท, ผักกาดขาวจากกิโลกรัมละ 5 บาท เป็น 15-20 บาท, กะหล่ำปลีจากกิโลกรัมละ 5 บาทเป็น 15 บาท ขณะที่ผักชี, ต้นหอม และขึ้นฉ่าย เป็นผักที่มีการปรับราคาขึ้นสูงที่สุด จากช่วงปกติที่มีราคากิโลกรัมละ 15-20 บาท ได้พุ่งสูงขึ้นเป็นราคากิโลกรัมละ 120-150 บาท ซึ่งแม้ว่าจะมีราคาสูงขึ้นมาแต่ผู้บริโภคยังคงเลือกซื้อเนื่องจากเป็นส่วนประกอบสำคัญในการปรุงอาหารไทย
โดยจากการสอบถามแม่ค้าบอกว่า ราคาพืชผักชนิดต่างๆ ที่วางขายปรับเพิ่มขึ้นมาระยะหนึ่งแล้วตามราคารับซื้อมาจากเกษตรกรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเข้าใจดีว่าเป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจากสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ที่รุนแรงต่อเนื่องยาวนาน และจนถึงตอนนี้พบว่าผักหลายชนิดยังคงมีแนวโน้มที่อาจจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นไปอีกด้วย ทั้งนี้ หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายและไม่มีฝนตกลงมาอีกยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจจะทำให้พืชผักบางชนิดขาดตลาดในช่วงนี้