โฆษก กปปส. กล่าวถึงครบรอบ 1 ปี ของรัฐบาลประยุทธ์ มีผลงานที่น่าพอใจ บ้านเมืองสงบเรียบร้อย แต่ห่วงปัญหาเศรษฐกิจจากรัฐบาลก่อน และวิกฤตเศรษฐกิจโลก ฝากวางรากฐานในการปฏิรูปประเทศ ไม่ขัดข้องหากทำประชามติ แต่ต้องมองความคุ้มค่า หวั่นสร้างความแตกแยกซ้ำ
วันนี้ (21 พ.ค.) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กล่าวถึงครบรอบ 1 ปี ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปฏิวัติยึดอำนาจ ว่า โดยภาพรวมเห็นว่า มีผลงานที่น่าพอใจ ที่ตนรับฟังความรู้สึกของมวลมหาประชาชนตลอดปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะปัญหาด้านความมั่นคงทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งรับมรดกมาจากรัฐบาลก่อน ทั้งโครงการรับจำนำข้าว รถยนต์คันแรก รวมถึงวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่มีผลกระทบต่อไทย และมีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งผลผลิตการเกษตรตกต่ำ แต่ได้ภาวะความเป็นผู้นำของนายกฯ ที่ชัดเจน ในการเร่งแก้ไขปัญหาเหล่านี้
นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า อยากให้รัฐบาลวางรากฐานในการปฏิรูปประเทศตามที่ประชาชนคาดหวัง หากทำได้จริงจะเป็นผลงานที่จดจำ แต่ปัญหาคือ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหัวใจของการปฏิรูปแม้จะทันเวลา แต่มีเสียงท้วงติงจากหลายฝ่าย จึงขอให้ฟังความเห็นของหลายฝ่าย ส่วนสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ซึ่งมีหน้าที่ปฏิรูปในภาพรวมก็ควรมีผลงานที่ชัดเจน มีหลายเรื่องที่ต้องเร่งทำ เช่น การปฏิรูปตำรวจ การกระจายอำนาจ การปราบคอร์รัปชัน ปฏิรูปพลังงาน หากไม่ชัดเจน ที่สุดปัญหานี้จะตกอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ เอง ที่จะต้องเร่งไขลานให้มีผลงาน
เมื่อถามว่า มีการเสนอขอให้มีการปฏิรูปประเทศให้เสร็จก่อนภายใน 2 ปี แล้วค่อยเลือกตั้ง นายเอกนัฏ กล่าวว่า เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ พยายามทำให้เสร็จตามโรดแมป แต่เมื่อหลายฝ่ายเรียกร้องทำประชามติ ซึ่งกลุ่ม กปปส. ไม่ขัดข้อง แต่ควรคำนึงถึงความคุ้มค่าในการทำที่ต้องเสียงบประมาณ 3 พันล้านบาท ในการทำแต่ละครั้ง ดังนั้น กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ สปช. จึงควรทำร่างรัฐธรรมนูญให้ดีที่สุดก่อน ไม่ใช่พูดดักคอล่วงหน้า หรือเตรียมจะมีขั้นตอนเพื่อฟอกความชอบธรรมให้ร่างรัฐธรรมนูญนี้ ไม่ใช่โยนของเสียไปทำประชามติ นอกจากเสียงบประมาณแล้ว จะสร้างความแตกแยกต่อสังคมซ้ำขึ้นมากอีก เท่ากับโยนเผือกร้อนให้รัฐบาลและ คสช. อีก