ศรีสะเกษ - ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษเปิดโครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้าสูบน้ำมูลเข้านาชุบชีวิตต้นข้าวใกล้แห้งตายกว่า 3,000 ไร่ เผยอ่างเก็บน้ำสำคัญเหลือน้ำแค่ 34% วอนประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด ขณะโจรเหิมลักเครื่องสูบน้ำของราชการที่นำไปสูบน้ำช่วยเหลือชาวนา
วันนี้ (6 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านดงแดง ต.ด่าน อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ นายยุทธนา วิริยะกิตติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายวัฒนา พุฒิชาติ รองผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ ปลัดจังหวัดศรีสะเกษ และนายเวโรจน์ สายทองแท้ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ศรีสะเกษ เป็นประธานพิธีเปิดเครื่องสูบน้ำด้วยไฟฟ้าเพื่อนำน้ำจากแม่น้ำมูลเข้าช่วยเหลือชาวนาที่กำลังประสบภัยแล้งจากภาวะฝนทิ้งช่วงทำให้ต้นข้าวของชาวนาที่ปลูกเอาไว้จำนวนมากกำลังยืนต้นใกล้แห้งตาย
เมื่อเปิดเครื่องสูบน้ำแล้วน้ำได้ไหลทะลักเข้าไปในไร่นาของชาวบ้านอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความดีใจของชาวบ้านที่พากันมาร่วมพิธีกันอย่างคึกคัก โดยการสูบน้ำจากแม่น้ำมูลเข้าไปเลี้ยงต้นข้าวในนาครั้งนี้สามารถช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในเขต ต.ด่าน อ.ราษีไศล และตำบลใกล้เคียงไม่ให้ต้นข้าวแห้งตายได้ประมาณ 3 พันไร่
นายยุทธนา วิริยะกิตติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า เรื่องของภัยแล้งต้องขอใช้คำว่า ฝนทิ้งช่วง ไม่ใช่ประสบภัยแล้ง เมื่อ 10 วันที่ผ่านมา จ.ศรีสะเกษได้มีพายุเข้า มีฝนตก ทำให้ชุ่มชื้นขึ้นมาเป็นบางส่วน 7 วันที่ผ่านมาไม่มีฝน ที่เรียกว่าฝนทิ้งช่วงเป็นฤดูกาลโดยปกติธรรมชาติของ จ.ศรีสะเกษ คาดว่าประมาณกลางเดือน ก.ค.น่าจะมีฝนเหมือนเดิม แต่หลังจากนี้ไปประมาณ 15 วันข้างหน้าหากไม่มีฝนความเสียหายก็น่าจะเกิดขึ้น ส่วนน้ำดื่มน้ำใช้ยังไม่มีปัญหาอะไร
ขณะนี้ได้ให้ทางอำเภอไปสำรวจความเสียหาย ในเบื้องต้นมีอยู่ประมาณ 31 ตำบล 174 หมู่บ้านที่มีปัญหาเรื่องน้ำเพื่อการเกษตร ตอนนี้ไร่นาได้รับความเสียหายบางส่วน โดยนาข้าวประมาณ 60,000 ไร่ที่หว่านไปแล้ว เมื่อฝนทิ้งช่วงก็ได้รับความเสียหาย พอฝนตกลงมาต้องหว่านรอบสอง ส่วนมันสำปะหลังได้รับความเสียหายกว่า 1,800 ไร่ พืชไร่อื่นๆ ประมาณ 700 ไร่ ซึ่งจากตัวเลขความเสียหายยังไม่มากนัก
ขณะที่แหล่งน้ำตามธรรมชาติในห้วย หนอง คลอง บึง เฉลี่ยแล้วระดับน้ำอยู่ที่ ประมาณ 1-1.50 เมตร ส่วนอ่างเก็บน้ำตามตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารสำคัญของจังหวัดศรีสะเกษและส่วนใหญ่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ปริมาณน้ำโดยภาพรวมอยู่ที่ประมาณ 34% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหน้าแล้งนี้ขอฝากถึงประชาชนขอให้ระมัดระวังรักษาสุขภาพ เพราะสภาพอากาศร้อนจัดมาก หากไปตากแดดเป็นเวลานานอาจป่วยไข้ และขอให้ประชาชนทุกคนใช้น้ำอย่างประหยัด มีประสิทธิภาพ เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร อาจมีน้ำเพิ่มขึ้นอีกหรือฝนทิ้งช่วงเป็นระยะเวลานานก็อาจเป็นได้
อีกเรื่องที่สำคัญคือ ได้รับรายงานว่ามีการขโมยอุปกรณ์เครื่องสูบน้ำของทางราชการที่นำไปสูบน้ำช่วยเหลือไร่นาของประชาชน ขอให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนทุกคนช่วยกันดูแลด้วย เพราะขณะนี้เครื่องสูบน้ำเป็นสิ่งจำเป็นมาก หากถูกลักขโมยไปแล้วจะทำให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้งฝนทิ้งช่วงได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
