ฉะเชิงเทรา - ตำรวจแปลงยาว โชว์ฝีมือแกะรอยไล่ล่าโจรปล้นสวาท ภัยร้ายหญิงสาวที่อยู่บ้านเพียงลำพัง หลังพบประวัติตระเวนก่อคดีมาอื้ออย่างโชกโชนทั่วทั้งในภาคกลาง ภาคตะวันออก ตลอดจนแถบภาคอีสานรวม 8 จังหวัด เชื่อมีผู้ตกเป็นเหยื่อมาแล้วไม่น้อยกว่า 50 คดี ขณะเจ้าตัวสารภาพแค่เท่าที่จำได้เพียง 18 คดี
วันนี้ ( 3 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.40 น. พล.ต.ต.สุรพล วิรัตน์โยสินทร์ รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.อ.เกรียงไกร บุญซ้อน รอง ผบก. พ.ต.อ.ธรรมนูญ มั่นคง ผกก.สส.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา และ พ.ต.อ.ประภาส เหมือนปิ๋ว ผกก.สภ.แปลงยาว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.แปลงยาว และชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.ฉะเชิงเทรา ได้ร่วมกันนำตัว นาย วัชรพล (แดน) จักรแก้ว อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 ม.14 ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ จ.284/2558 ลงวันที่ 2 ก.ค.58 ในข้อหา “ชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม” และข้อหา “กระทำอนาจารบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน” พร้อมของกลางเป็นทรัพย์สินบางส่วนที่ได้มาจากการชิงทรัพย์ ตั๋วจำนำจำนวนหลายสิบฉบับ เงินสด และเครื่องมือที่ใช้ในการงัดแงะเข้าไปยังภายในบ้านเรือนห้องพักของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในแต่ละราย มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
พล.ต.ต.ธีรพล กล่าวว่า พฤติกรรมของ นายวัชรพล นั้นมีลักษณะเป็นภัยต่อสังคมโดยเฉพาะหญิงสาวที่อยู่บ้านพักแต่เพียงลำพังเป็นอย่างมาก โดยลักษณะการก่อเหตุนั้นในเวลากลางวัน ผู้ต้องหานั้นได้ใช้รถยนต์กระบะขับรถเพื่อตระเวนไปทำทีขอซื้อยางรถยนต์เก่าตามหมู่บ้าน และชุมชนทั่วไปเพื่ออำพรางไม่ให้มีคนสงสัย ก่อนที่จะไปหาเช่าห้องพักในโรงแรมที่อยู่ใกล้เคียง
พอตกดึกในเวลากลางคืน ผู้ต้องหาจะขับรถกลับเข้ามาในหมู่บ้านชุมชนที่ได้หมายตาเอาไว้ เพื่อเข้ามาลงมือก่อเหตุงัดแงะเข้าไปขโมยทรัพย์สินจากภายในบ้านของเหยื่อ โดยจะเลือกช่วงเวลาที่ดึกสงัด เวลา 02.00 น.เป็นต้นไป หรือช่วงที่ผู้คนนอนหลับพักผ่อนกันหมดแล้ว และจะเลือกงัดแงะเข้าไปยังภายในบ้านที่มีหญิงสาวหลับพักผ่อนอยู่ในบ้านแต่เพียงลำพัง หรือฝ่ายสามีไม่อยู่บ้านไปเข้ากะตามโรงงาน โดยจะใช้วิธีสังเกตจากรองเท้าที่ถอดไว้หน้าห้องว่ามีของเท้าถอดทิ้งไว้จำนวนกี่คู่ เป็นรองเท้าผู้หญิง หรือผู้ชาย
คนร้ายก็จะเลือกเข้าบ้านที่มีเพียงรองเท้าของผู้หญิง หรือมีรองเท้าจำนวนน้อยคู่ถอดทิ้งไว้ที่หน้าบ้าน และหลังจากก่อเหตุงัดแงะเข้าไปยังภายในบ้านของเหยื่อได้แล้ว นอกจากจะทำการโจรกรรมชิงทรัพย์สินของเหยื่อแล้ว หากพบเหยื่อที่เป็นหญิงสาวหน้าตาดีก็จะใช้มีดจี้บังคับ และกระทำการอนาจารเหยื่ออีกด้วย
สำหรับผู้ต้องหารายนี้พบว่าก่อเหตุมาแล้วอย่างโชกโชน จึงเชื่อว่ามีไม่น้อยกว่า 50 คดี แต่ผู้ต้องหายอมรับสารภาพเท่าที่จำได้รวม 18 คดี เฉพาะในท้องที่ สภ.แปลงยาว รวม 3 คดี และยังมีหมายจับในท้องที่ต่างๆ อีกหลายคดี ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ได้ตระเวนก่อเหตุทั้งในแถบจังหวัดภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคตะวันออก เช่น ที่ลพบุรี นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี
นายวัชรพล กล่าวยอมรับสารภาพว่า เคยก่อเหตุงัดแงะลักทรัพย์ในทำนองเดียวกันนี้ จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจในเขต จ.ปทุมธานี จับกุมตัวได้ และต้องโทษจำคุกมาแล้วเป็นเวลา 5 ปี หลังจากพ้นโทษออกมาจากเรือนจำ ก็ได้ออกมาทำอาชีพเดิมอีกตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งขณะอยู่ในเรือนจำนั้นยังได้ฝึกศึกษาวิชางัดแงะจากเพื่อนนักโทษด้วยกันอีกหลายรูปแบบจนมีความชำนาญเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ขณะที่ชุดสืบสวน สภ.แปลงยาว ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ผู้ต้องหารายนี้มีความชำนาญในการกระทำผิดเป็นอย่างมาก จนสามารถก่อเหตุได้อย่างโชกโชนในหลายท้องที่ แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถแกะรอยติดตามจับกุมตัวได้เลย เพราะรถที่ใช้ก่อเหตุนั้นได้มีการอำพรางทะเบียนโดยติดป้ายทะเบียนเพียงด้านหน้า ซึ่งเป็นแผ่นป้ายที่มีสภาพเก่า และลบเลือน แต่ไม่ติดแผ่นป้ายท้าย โดยจะใช้เพียงแผ่นป้ายสีขาวที่ไม่มีตัวเลขมาติดไว้แทนเพื่ออำพรางเท่านั้น
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.แปลงยาว ได้แกะรอยตามลักษณะของรถที่ถูกจับภาพได้จากกล้องงจรปิด และติดตามรอยไปจนถึงปั๊มน้ำมันในเขต อ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี ก่อนที่จะพบกับพยานหลักฐานสำคัญบางอย่างจนสามารถติดตามไปจนถึงตัวคนร้าย และสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุดยังที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา