ASTVผู้จัดการรายวัน-"ในหลวง" พระราชทานพระบรมราโชวาทวันข้าราชการ 1 เม.ย.2558 ให้ถือประโยชน์งานเป็นหลัก ร่วมกันคิดร่วมกันทำ ด้วยความอุตสาหะเสียสละ และด้วยความสุจริตจริงใจ "ประยุทธ์"ยก "สมเด็จพระเทพ" เป็นแบบอย่างข้าราชการที่ดี พร้อมให้โอวาทย้ำข้าราชการ ต้องไม่ตกอยู่ใต้อุ้งมือนักการเมือง แนะใช้กฎหมายและวินัยข้าราชการปกป้องตัวเอง
วานนี้ (1 เม.ย.) กองข่าว สำนักราชเลขาธิการ เผยแพร่ พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน 1 เม.ย. 2558 ความว่า งานราชการนั้น คือ งานของแผ่นดิน มีผลเกี่ยวเนื่องถึงประโยชน์ของบ้านเมืองและประชาชนทุกคน งานทุกอย่างจึงต้องมีผู้ปฏิบัติและมีผู้รับช่วง เพื่อให้งานดำเนินต่อเนื่องไปไม่ขาดสาย
ดังนั้น ผู้ปฏิบัติบริหารงานราชการทุกฝ่ายทุกระดับ จึงไม่ควรยกเอาเรื่องใครเป็นผู้ทำมาก่อน หรือใครเป็นผู้รับช่วงงาน ขึ้นเป็นข้อสำคัญนัก จะต้องถือประโยชน์ที่จะเกิดจากงาน เป็นหลักใหญ่ แล้วร่วมกันคิดร่วมกันทำ ด้วยความอุตสาหะเสียสละ และด้วยความสุจริตจริงใจ งานทุกอย่างจึงจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ไม่ติดขัด และสำเร็จผลเป็นประโยชน์ได้แท้จริงและยั่งยืนตลอดไป
วันเดียวกันนี้ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เป็นประธานมอบเกียรติบัตรข้าราชการพลเมืองดีเด่น 2558 และเข็มเชิดชูเกียรติ โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า เช้าวานนี้ (1 เม.ย.) ได้ร่วมกันในพิธีถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ที่มีพระชนมายุครบ 60 พรรษาในปีนี้ ในวันที่ 2 เม.ย. ขอให้พระองค์ท่าน มีพระพลานามัยสุขภาพแข็งแรง แต่ท่านก็ยังทรงมีพระอาการเจ็บป่วยจากที่หกล้ม ก็ได้ถวายกำลังใจให้ท่านทรงหายโดยเร็ว เพราะพระองค์ท่านมีพระราชภาระใหญ่หลวง ทรงงานตลอดไม่ได้พักผ่อน ทำงานตลอดเช้ายันกลางคืน ไม่มีเวลาไปเดินศูนย์การค้าเพื่อซื้อของ ถือเป็นตัวอย่างที่ท่านทรงทำไว้
หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้โอวาทแก่ข้าราชการพลเรือนว่า ตั้งใจมาพูด และพบกับข้าราชการทุกคน ที่ผ่านมา ถูกต่อว่าว่า พูดเยอะ เป็นเพราะต้องการฝึกฝนความอดทน วิริยะ อุตสาหะของทุกคน เพราะถ้าฟังแล้วจะเกิดผลสัมฤทธิ์ ถ้าไม่ฟังก็จะกลับไปสู่วังวนแบบเก่า ที่พูดเช่นนี้ยังไม่รู้ว่าใครจะชนะ หรือแพ้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พูดทุกวัน ทั้งการให้สัมภาษณ์ รายการคืนความสุขให้คนในชาติ เพราะต้องการสื่อสารให้ถึงข้าราชการทุกคน ก็อาจแตกต่างบ้าง เพราะเป็นการพูดจากใจ และประสบการณ์ โดยเฉพาะการเป็นข้าราชการเก่ามา 38 ปี ครั้งแรก กะพักผ่อน แต่วันนี้ก็ต้องมายืนอยู่ตรงนี้ โดยไม่ได้มีการเตรียมการอะไรมาก่อน แต่มันก็ต้องทำ เมื่อถึงเวลาก็ต้องทำเช่นนี้ วันนี้การทำงานหลายกระทรวงมีผู้บริหารมาจากทหาร ก็ทำให้การทำงานแตกต่างออกไป ในช่วงที่เราต้องการการเปลี่ยนแปลง แก้ปัญหา และปฏิรูปในหลายๆ เรื่อง มันทำเป็นอย่างอื่นไม่ได้ จะใช้กฎหมายอย่างเดียวตามวิธีการปกติ ไม่มีทางแก้ได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การทำงานมีผู้นำหลายระดับ การบริหารงานจากล่างขึ้นบน และจากบนลงล่าง จะต้องสื่อสาร 2 ทาง ต้องมีการปรับตัวเข้าหากันให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อยู่ใต้การบริหารของฝ่ายการเมือง ซึ่งเขาไม่ใช่ข้าราชการเก่า การทำงานของฝ่ายการเมือง ก็จะมีเรื่องของงานการเมืองอยู่ด้วย อาจทำให้ข้าราชการมีปัญหาในการทำงาน บางครั้งต้องระวัง ข้าราชการทุกคนต้องมีการปกป้องตัวเองบ้าง ทั้งด้วยระเบียบ กฎหมาย และ พ.ร.บ. ต่างๆ แต่อาจจะยังไม่พอ และอาจก่อให้เกิดปัญหาได้อีก ถ้าเราไม่เข้ามาแก้ปัญหา ก็จะยังคงอยู่ต่อไป และสร้างปัญหาใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ อย่าลืมว่าการป้องกันตัวเอง จะต้องมีวินัย มีอำนาจในการบริหาร ถ้าเราไม่วางวิธีการป้องกันตัวเอง ก็อาจไม่ปลอดภัย เราต้องยืนหยัดในข้อกฎหมาย ไม่ว่าจะสั่งอะไรลงมาก็ตาม ถ้าผิดก็ต้องทำให้มันถูก
ที่ผ่านมา ตนสอนรุ่นน้องมาตลอด นายจะสั่งอะไรลงมา ก็พร้อมรับ เพราะนาย ก็คือนาย นายคือผู้บังคับบัญชา แต่หากนายใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้อง เราก็ไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจ ซึ่งตลอดชีวิตรับราชการก็เดินด้วยชีวิตแบบนี้ ใครจะเป็นนาย จะพวกไหนมา เขาต้องเลือกเราด้วยคุณสมบัติในการทำงาน อย่าไปแบ่งฝักฝ่าย จนกลายเป็นกลุ่ม หรือไปพึ่งพระแบบเรื่อยเปื่อยไม่ได้
สำหรับตนแล้วขอพรพระทุกวัน เพียงแค่ให้ทำงานให้สำเร็จ ไม่เคยขอให้ตัวเองเลย และก็สำเร็จ เพราะถ้าไม่เดินตามกฎหมาย อนาคตคนที่เดือดร้อนคือตัวเราเอง แต่เราต้องไม่ไปก้าวก่ายฝ่ายบริหาร และทำผิดระเบียบวินัย ซึ่งมีการกำหนดไว้ชัดเจน ทุกระทรวง ทบวง กรม ต้องลืมเรื่องเก่าให้หมด เริ่มต้นกันใหม่ เรามีหน้าที่ในการทำงานเป็นข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขประชาชนต่างพระเนตรพระกรรณ ต้องทำงานอย่างบูรณาการและตามภารกิจของกระทรวง
"วันนี้เราต้องการเคลียร์ทุกอย่างให้สะอาด จะได้ภาคถูมิใจในหน่วยงานของทุกคน จะได้กลับมาเป็นพี่เป็นน้องกันเหมือนเดิม ไม่ใช่มัวแต่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันไม่ได้อีกแล้ว ประเทศไทยแบ่งไม่ได้ วันนี้ ผมมีหน้าที่มานำพาตรงนี้ รับฟังทุกคนว่าต้องการอะไร ต้องการแบบเดิม หรือต้องการการเปลี่ยนแปลง ทำให้ประเทศชาติก้าวหน้าอย่างไม่เคยมีมาก่อน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า มีหลายคนเตือนว่าอย่าไปตอบโต้มากนัก มันไม่ดี แต่ตนต้องพูด และสร้างความเข้าใจ เพราะประชาชนฟังสื่อ อ่านหนังสือพิมพ์ บางทีพูดน้อยก็เขียนเองบ้าง พูดเยอะก็ตัดตอน จากนี้ไปก็จะมีการพูดคุยกัน สื่อก็ต้องมีคำแนะนำ ในส่วนของรัฐบาล ก็จะมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ มาอธิบายว่า อะไรคือปัญหา อะไรคือการเปลี่ยนแปลง จะได้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน สื่อติติงได้ ตนรับได้ แต่ถ้าผิดจากหน้ามือเป็นหลังมือ ตนยอมไม่ได้ แต่ยอมรับว่าค่อนข้างหงุดหงิด และเครียดบ้าง แต่ยังไม่มาก
"ผมเป็นทหารมานาน ทหารก็เป็นแบบนี้ ไม่เช่นนั้นปกครองคน 2-4 แสนคนไม่ได้ วันนี้ต้องมาดูแลคน 60 กว่าล้านคน ดังนั้น คนในชาติต้องมีระเบียบ วินัย ช่วยกันทำงานไม่หวังประโยชน์ส่วนตัว เอาประโยชน์ส่วนรวมมาก่อน อดีตคือจุดเริ่มต้น แต่เราต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ และงานที่รับผิดชอบ จะได้เกิดความภาคภูมิใจ และต้องมีมาตรการ และแผนงานไว้รองรับกับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ผมเคยบอกทหารมาตลอดว่า อย่าทำตัวเป็นพยาธิตอนเช้า เพราะกลางคืนคนนอนหลับ ไม่ได้กินข้าว พอตื่นมาพยาธิก็ตื่นมาชูคออยู่ในท้อง รอดูว่าจะดูดและกินอะไรได้บ้างที่จะเข้ามา ข้าราชการต้องไม่ทำตัวเช่นนั้น ไม่ต้องทำถึงขนาดเสียสละทุกอย่างเพื่องาน มันเป็นไปไม่ได้ เพราะทุกคนมีภาระ และหน้าที่ในครอบครัว จึงขอให้เริ่มต้นกันใหม่ อดีตคือปัญหา ในประวัติศาสตร์อะไรดี ก็ทำต่อ อะไรไม่ดี ก็แก้ไข ปัจจุบันคือ อนาคต ตั้งแต่ 22 พ.ค.2557 นี่คือปัจจุบัน ก่อนหน้านั้น คือ อดีตทั้งสิ้น ก็ต้องแก้ไข ทั้งกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม ผมคงไม่ต้องไปล้วงลูก ลงโทษคนนั้น คนนี้ เพราะทุกคนต่างมีหน้าที่กันอยู่แล้ว ที่ผ่านมา ทำไม่ได้เพราะถูกแทรกแซง ก็ต้องไปแก้ไข เราต้องเดินหน้าไปสู่อนาคตให้ได้ ด้วยความเข้าใจ เดินไปสู่เป้าหมายเดียวกัน วันนี้เราต้องมีวิสัยทัศน์ 5-10 ปี เราต้องนำพาประเทศในปี 2015-2020 ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน ข้าราชการทุกคนต้องเข้าใจ"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ข้าราชการทุกคนต้องวางแผนการทำงานเหมือนกับวางแผนชีวิต แต่ตนไม่เคยวาง ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นมาได้อย่างไร ก็ทำงานไปเรื่อยๆ อยู่ชายแดน กองทัพ ทหารส่วนใหญ่ที่ก้าวหน้าใช้วิธีการแบบนี้ นายจะทะเลาะจะโกรธกัน ก็เป็นเรื่องของนาย เพราะถ้าเราไปเข้าข้างใคร วันข้างหน้าก็จะมีปัญหาย้ายล้างบาง แล้วหน่วยงานจะอยู่ได้อย่างไร คนดีๆ ก็ลาออก คนที่เหลืออยู่ก็ไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น ต้องจัดระเบียบให้ดี ไม่ใช่วางแผนว่าภายใน 3 ปี ต้องเป็นนั่น เป็นนี่ ก่อนเกษียณต้องเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด มันไม่ได้ ให้วางแผนชีวิตตามห้วงเวลา ไม่ให้ถูกดอง ย้ายทิ้ง ทุกอย่างจะเดินไปตามครรลองเอง ทุกอย่างมันมีหลายปัจจัย ทั้งความรู้ ความสามารถ โชควาสนา ช่วงเวลาก็เหมาะสม และอย่าให้เคารพกันด้วยอำนาจ มีหลายคนว่า ตนบ้าอำนาจนั้นไม่เป็นความจริง ถ้าบ้าอำนาจ คงไม่มีแบบนี้ สั่งอย่างเดียวก็จบ
วานนี้ (1 เม.ย.) กองข่าว สำนักราชเลขาธิการ เผยแพร่ พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน 1 เม.ย. 2558 ความว่า งานราชการนั้น คือ งานของแผ่นดิน มีผลเกี่ยวเนื่องถึงประโยชน์ของบ้านเมืองและประชาชนทุกคน งานทุกอย่างจึงต้องมีผู้ปฏิบัติและมีผู้รับช่วง เพื่อให้งานดำเนินต่อเนื่องไปไม่ขาดสาย
ดังนั้น ผู้ปฏิบัติบริหารงานราชการทุกฝ่ายทุกระดับ จึงไม่ควรยกเอาเรื่องใครเป็นผู้ทำมาก่อน หรือใครเป็นผู้รับช่วงงาน ขึ้นเป็นข้อสำคัญนัก จะต้องถือประโยชน์ที่จะเกิดจากงาน เป็นหลักใหญ่ แล้วร่วมกันคิดร่วมกันทำ ด้วยความอุตสาหะเสียสละ และด้วยความสุจริตจริงใจ งานทุกอย่างจึงจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ไม่ติดขัด และสำเร็จผลเป็นประโยชน์ได้แท้จริงและยั่งยืนตลอดไป
วันเดียวกันนี้ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เป็นประธานมอบเกียรติบัตรข้าราชการพลเมืองดีเด่น 2558 และเข็มเชิดชูเกียรติ โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า เช้าวานนี้ (1 เม.ย.) ได้ร่วมกันในพิธีถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ที่มีพระชนมายุครบ 60 พรรษาในปีนี้ ในวันที่ 2 เม.ย. ขอให้พระองค์ท่าน มีพระพลานามัยสุขภาพแข็งแรง แต่ท่านก็ยังทรงมีพระอาการเจ็บป่วยจากที่หกล้ม ก็ได้ถวายกำลังใจให้ท่านทรงหายโดยเร็ว เพราะพระองค์ท่านมีพระราชภาระใหญ่หลวง ทรงงานตลอดไม่ได้พักผ่อน ทำงานตลอดเช้ายันกลางคืน ไม่มีเวลาไปเดินศูนย์การค้าเพื่อซื้อของ ถือเป็นตัวอย่างที่ท่านทรงทำไว้
หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้โอวาทแก่ข้าราชการพลเรือนว่า ตั้งใจมาพูด และพบกับข้าราชการทุกคน ที่ผ่านมา ถูกต่อว่าว่า พูดเยอะ เป็นเพราะต้องการฝึกฝนความอดทน วิริยะ อุตสาหะของทุกคน เพราะถ้าฟังแล้วจะเกิดผลสัมฤทธิ์ ถ้าไม่ฟังก็จะกลับไปสู่วังวนแบบเก่า ที่พูดเช่นนี้ยังไม่รู้ว่าใครจะชนะ หรือแพ้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พูดทุกวัน ทั้งการให้สัมภาษณ์ รายการคืนความสุขให้คนในชาติ เพราะต้องการสื่อสารให้ถึงข้าราชการทุกคน ก็อาจแตกต่างบ้าง เพราะเป็นการพูดจากใจ และประสบการณ์ โดยเฉพาะการเป็นข้าราชการเก่ามา 38 ปี ครั้งแรก กะพักผ่อน แต่วันนี้ก็ต้องมายืนอยู่ตรงนี้ โดยไม่ได้มีการเตรียมการอะไรมาก่อน แต่มันก็ต้องทำ เมื่อถึงเวลาก็ต้องทำเช่นนี้ วันนี้การทำงานหลายกระทรวงมีผู้บริหารมาจากทหาร ก็ทำให้การทำงานแตกต่างออกไป ในช่วงที่เราต้องการการเปลี่ยนแปลง แก้ปัญหา และปฏิรูปในหลายๆ เรื่อง มันทำเป็นอย่างอื่นไม่ได้ จะใช้กฎหมายอย่างเดียวตามวิธีการปกติ ไม่มีทางแก้ได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การทำงานมีผู้นำหลายระดับ การบริหารงานจากล่างขึ้นบน และจากบนลงล่าง จะต้องสื่อสาร 2 ทาง ต้องมีการปรับตัวเข้าหากันให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อยู่ใต้การบริหารของฝ่ายการเมือง ซึ่งเขาไม่ใช่ข้าราชการเก่า การทำงานของฝ่ายการเมือง ก็จะมีเรื่องของงานการเมืองอยู่ด้วย อาจทำให้ข้าราชการมีปัญหาในการทำงาน บางครั้งต้องระวัง ข้าราชการทุกคนต้องมีการปกป้องตัวเองบ้าง ทั้งด้วยระเบียบ กฎหมาย และ พ.ร.บ. ต่างๆ แต่อาจจะยังไม่พอ และอาจก่อให้เกิดปัญหาได้อีก ถ้าเราไม่เข้ามาแก้ปัญหา ก็จะยังคงอยู่ต่อไป และสร้างปัญหาใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ อย่าลืมว่าการป้องกันตัวเอง จะต้องมีวินัย มีอำนาจในการบริหาร ถ้าเราไม่วางวิธีการป้องกันตัวเอง ก็อาจไม่ปลอดภัย เราต้องยืนหยัดในข้อกฎหมาย ไม่ว่าจะสั่งอะไรลงมาก็ตาม ถ้าผิดก็ต้องทำให้มันถูก
ที่ผ่านมา ตนสอนรุ่นน้องมาตลอด นายจะสั่งอะไรลงมา ก็พร้อมรับ เพราะนาย ก็คือนาย นายคือผู้บังคับบัญชา แต่หากนายใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้อง เราก็ไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจ ซึ่งตลอดชีวิตรับราชการก็เดินด้วยชีวิตแบบนี้ ใครจะเป็นนาย จะพวกไหนมา เขาต้องเลือกเราด้วยคุณสมบัติในการทำงาน อย่าไปแบ่งฝักฝ่าย จนกลายเป็นกลุ่ม หรือไปพึ่งพระแบบเรื่อยเปื่อยไม่ได้
สำหรับตนแล้วขอพรพระทุกวัน เพียงแค่ให้ทำงานให้สำเร็จ ไม่เคยขอให้ตัวเองเลย และก็สำเร็จ เพราะถ้าไม่เดินตามกฎหมาย อนาคตคนที่เดือดร้อนคือตัวเราเอง แต่เราต้องไม่ไปก้าวก่ายฝ่ายบริหาร และทำผิดระเบียบวินัย ซึ่งมีการกำหนดไว้ชัดเจน ทุกระทรวง ทบวง กรม ต้องลืมเรื่องเก่าให้หมด เริ่มต้นกันใหม่ เรามีหน้าที่ในการทำงานเป็นข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขประชาชนต่างพระเนตรพระกรรณ ต้องทำงานอย่างบูรณาการและตามภารกิจของกระทรวง
"วันนี้เราต้องการเคลียร์ทุกอย่างให้สะอาด จะได้ภาคถูมิใจในหน่วยงานของทุกคน จะได้กลับมาเป็นพี่เป็นน้องกันเหมือนเดิม ไม่ใช่มัวแต่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันไม่ได้อีกแล้ว ประเทศไทยแบ่งไม่ได้ วันนี้ ผมมีหน้าที่มานำพาตรงนี้ รับฟังทุกคนว่าต้องการอะไร ต้องการแบบเดิม หรือต้องการการเปลี่ยนแปลง ทำให้ประเทศชาติก้าวหน้าอย่างไม่เคยมีมาก่อน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า มีหลายคนเตือนว่าอย่าไปตอบโต้มากนัก มันไม่ดี แต่ตนต้องพูด และสร้างความเข้าใจ เพราะประชาชนฟังสื่อ อ่านหนังสือพิมพ์ บางทีพูดน้อยก็เขียนเองบ้าง พูดเยอะก็ตัดตอน จากนี้ไปก็จะมีการพูดคุยกัน สื่อก็ต้องมีคำแนะนำ ในส่วนของรัฐบาล ก็จะมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ มาอธิบายว่า อะไรคือปัญหา อะไรคือการเปลี่ยนแปลง จะได้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน สื่อติติงได้ ตนรับได้ แต่ถ้าผิดจากหน้ามือเป็นหลังมือ ตนยอมไม่ได้ แต่ยอมรับว่าค่อนข้างหงุดหงิด และเครียดบ้าง แต่ยังไม่มาก
"ผมเป็นทหารมานาน ทหารก็เป็นแบบนี้ ไม่เช่นนั้นปกครองคน 2-4 แสนคนไม่ได้ วันนี้ต้องมาดูแลคน 60 กว่าล้านคน ดังนั้น คนในชาติต้องมีระเบียบ วินัย ช่วยกันทำงานไม่หวังประโยชน์ส่วนตัว เอาประโยชน์ส่วนรวมมาก่อน อดีตคือจุดเริ่มต้น แต่เราต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ และงานที่รับผิดชอบ จะได้เกิดความภาคภูมิใจ และต้องมีมาตรการ และแผนงานไว้รองรับกับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ผมเคยบอกทหารมาตลอดว่า อย่าทำตัวเป็นพยาธิตอนเช้า เพราะกลางคืนคนนอนหลับ ไม่ได้กินข้าว พอตื่นมาพยาธิก็ตื่นมาชูคออยู่ในท้อง รอดูว่าจะดูดและกินอะไรได้บ้างที่จะเข้ามา ข้าราชการต้องไม่ทำตัวเช่นนั้น ไม่ต้องทำถึงขนาดเสียสละทุกอย่างเพื่องาน มันเป็นไปไม่ได้ เพราะทุกคนมีภาระ และหน้าที่ในครอบครัว จึงขอให้เริ่มต้นกันใหม่ อดีตคือปัญหา ในประวัติศาสตร์อะไรดี ก็ทำต่อ อะไรไม่ดี ก็แก้ไข ปัจจุบันคือ อนาคต ตั้งแต่ 22 พ.ค.2557 นี่คือปัจจุบัน ก่อนหน้านั้น คือ อดีตทั้งสิ้น ก็ต้องแก้ไข ทั้งกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม ผมคงไม่ต้องไปล้วงลูก ลงโทษคนนั้น คนนี้ เพราะทุกคนต่างมีหน้าที่กันอยู่แล้ว ที่ผ่านมา ทำไม่ได้เพราะถูกแทรกแซง ก็ต้องไปแก้ไข เราต้องเดินหน้าไปสู่อนาคตให้ได้ ด้วยความเข้าใจ เดินไปสู่เป้าหมายเดียวกัน วันนี้เราต้องมีวิสัยทัศน์ 5-10 ปี เราต้องนำพาประเทศในปี 2015-2020 ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน ข้าราชการทุกคนต้องเข้าใจ"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ข้าราชการทุกคนต้องวางแผนการทำงานเหมือนกับวางแผนชีวิต แต่ตนไม่เคยวาง ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นมาได้อย่างไร ก็ทำงานไปเรื่อยๆ อยู่ชายแดน กองทัพ ทหารส่วนใหญ่ที่ก้าวหน้าใช้วิธีการแบบนี้ นายจะทะเลาะจะโกรธกัน ก็เป็นเรื่องของนาย เพราะถ้าเราไปเข้าข้างใคร วันข้างหน้าก็จะมีปัญหาย้ายล้างบาง แล้วหน่วยงานจะอยู่ได้อย่างไร คนดีๆ ก็ลาออก คนที่เหลืออยู่ก็ไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น ต้องจัดระเบียบให้ดี ไม่ใช่วางแผนว่าภายใน 3 ปี ต้องเป็นนั่น เป็นนี่ ก่อนเกษียณต้องเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด มันไม่ได้ ให้วางแผนชีวิตตามห้วงเวลา ไม่ให้ถูกดอง ย้ายทิ้ง ทุกอย่างจะเดินไปตามครรลองเอง ทุกอย่างมันมีหลายปัจจัย ทั้งความรู้ ความสามารถ โชควาสนา ช่วงเวลาก็เหมาะสม และอย่าให้เคารพกันด้วยอำนาจ มีหลายคนว่า ตนบ้าอำนาจนั้นไม่เป็นความจริง ถ้าบ้าอำนาจ คงไม่มีแบบนี้ สั่งอย่างเดียวก็จบ