ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือเผย “ในหลวง” ทรงห่วงใยราษฎรขาดแคลนน้ำ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จัดตั้งศูนย์ฝนหลวงพิเศษเชียงใหม่และนครสวรรค์ บิน 8-10 เที่ยว/วัน เน้นพื้นที่ลุ่มน้ำเหนือเขื่อน
นางสาวหนึ่งหทัย ตันติพลับทอง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ เปิดเผยว่า จากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยความทุกข์ยากเดือดร้อนของราษฎรที่ขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภค และทำการเพาะปลูกในเวลานี้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งศูนย์ฝนหลวงพิเศษขึ้นในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ ฐานปฏิบัติการสนามบินจังหวัดนครสวรรค์ รับผิดชอบปฏิบัติการฝนหลวงในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา และฐานปฏิบัติการสนามบินจังหวัดเชียงใหม่ รับผิดชอบปฏิบัติการฝนหลวงในเขตภาคเหนือ
ทั้งนี้ ศูนย์ฝนหลวงพิเศษแตกต่างจากปฏิบัติการฝนหลวงปกติตรงที่สามารถข้ามขั้นตอนทางราชการเพื่อเข้าปฏิบัติการในพื้นที่ที่ถูกร้องขอได้อย่างเร่งด่วนจากเดิม โดยที่นครสวรรค์จะมีเครื่องบินคาซาขนาดกลาง 2 ลำ และเครื่องบินคาราแวนขนาดเล็ก 2 ลำ ส่วนที่เชียงใหม่จะมีการแบ่งหน่วยปฏิบัติการย่อยเป็น 2 หน่วย เป็นหน่วยเชียงใหม่ กับหน่วยพิษณุโลก ซึ่งหน่วยเชียงใหม่จะมีเครื่องบินขนาดใหญ่ คือ เครื่องซีเอ็น 235 ที่สามารถบรรทุกสารทำฝนหลวงได้ครั้งละ 2,000 กิโลกรัม 1 ลำ และคาซา 2 ลำ
โดยหน่วยเชียงใหม่ และพิษณุโลกจะสลับสับเปลี่ยนกันปฏิบัติการ 8-10 เที่ยวต่อวัน เน้นไปยังพื้นที่ลุ่มลำน้ำเขื่อนต่างๆ นอกจากนี้ ที่จังหวัดเชียงใหม่จะเน้นไปในพื้นที่ป่าด้านทิศตะวันตกของจังหวัด ซึ่งการปฏิบัติการการทำฝนหลวง ณ จุดดังกล่าวเพื่อให้เมฆก่อตัวก่อนตกเป็นฝนในลุ่มน้ำปิง เติมน้ำในพื้นที่ และอีกส่วนหนึ่งหากปฏิบัติการในช่วงที่มีพายุก็จะเกิดความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศเพิ่มขึ้นส่งผลดีต่อพื้นที่ดังกล่าว
ส่วนกรณีที่มีผู้สงสัยว่าฝนที่มาจากการทำฝนหลวงนั้นอาจมีสารตกค้าง และเป็นน้ำที่มีสิ่งเจือปน อาจเป็นอันตรายต่อการนำไปใช้ รวมทั้งในพื้นที่การเกษตร และการใช้ในรูปแบบต่างๆ นั้น จากการตรวจวิเคราะห์ วิจัยแล้วพบว่าฝนหลวงกับฝนธรรมชาตินั้นมีคุณภาพไม่ต่างกัน จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้