“กัญจนา ศิลปอาชา” เยี่ยมช้างป่าป่วยที่หัวหิน สัตวแพทย์เผยขาหลังยังไม่แข็งแรง เป็นแผลในปาก

ประจวบคีรีขันธ์ - สัตวแพทย์เผยความคืบหน้าช้างป่าป่วยที่ห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน อาการดีขึ้น แต่ยังต้องประเมินสุขภาพวันต่อวัน ขาหลังยังไม่แข็งแรง และเป็นแผลในปาก “น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา” อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ในฐานะนักอนุรักษ์สัตว์ป่า เดินทางมาเยี่ยมอาการป่วยช้างป่า ระบุดีใจที่เห็นช้างป่าอาการดีขึ้น น่าจะได้ปล่อยกลับคืนป่าได้เร็วๆ นี้

วันนี้ (29 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการรักษาอาการช้างป่าเพศเมียวัย 3-5 ปี ที่ป่วยอยู่ภายในป่าของศูนย์ฝึกรบพิเศษฤทธิฦาชัย ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า วันนี้ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ในฐานะนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ได้เดินทางเข้าเยี่ยมดูอาการของช้างป่า โดยมี นายนเรศ ชมบุญ หัวหน้ากลุ่มงานเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นายมนตรี แสงสวัสดิ์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน สัตวแพทย์หญิงกิตติยาภรณ์ เอี่ยมสะอาด นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ ฝ่ายสุขภาพสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และทีมสัตวแพทย์ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ให้ข้อมูลความคืบหน้าก็การรักษาอาการป่วยของช้างป่า

สัตวแพทย์หญิงกิตติยาภรณ์ เอี่ยมสะอาด นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ ฝ่ายสุขภาพสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ขณะนี้ช้างเริ่มขับถ่ายแล้ว แต่ยังเป็นน้ำเนื่องจากยังกินอาหารที่มีกากใยน้อย เพราะช้างยังมีแผลในปากทำให้เจ็บเวลากินอาหาร ซึ่งแพทย์เป็นห่วงต้องใช้เวลาในการรักษา ต้องให้ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้ปวด และวิตามินบำรุงตลอด พร้อมกับเพิ่มยากระตุ้นสำไส้ให้เช้า เย็น

ส่วนเรื่องการเดินของช้างนั้นพบว่า 2 ขาหน้าแข็งแรงดี เดินได้ดีมาก ส่วนขาหลังเริ่มมีแรงขึ้นแต่ยังลากเดิน เจ้าหน้าที่ได้ทดลองปรับรอกเพื่อเพิ่มความยาวเชือก ให้ช้างทดลองยกขาก้าวเดิน พบว่า ยังมีอาการเจ็บที่ขาหลังอยู่ ซึ่งอาจเกิดจากช่วงที่ช้างล้มในครั้งแรกแล้วยังอักเสบอยู่ หากช้างสามารถก้าวเดินได้เต็มที่แล้วในอนาคตจะเปลี่ยนเป็นการใช้โซ่ล่ามที่ขาแทน ซึ่งจะต้องเคลียร์พื้นที่ให้โล่งก่อนเพื่อความปลอดภัย เพื่อให้ช้างได้เดินได้มากขึ้น และลดอาการแผลกดทับ

“ตอนนี้แพทย์เริ่มห่วงเรื่องแผลกดทับจากรอยเชือกที่ทำเป็นแปลสนามชั่วคราวให้ช้างป่า เพราะช้างยืนมานานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว ถึงแม้จะสามารถหาเปลช้างมาเปลี่ยนแทนได้ก็ยังสามารถเกิดแผลกดทับได้เช่นกัน ซึ่งแพทย์ได้ทำแผลภายนอกให้แล้ว ส่วนตามสายยางได้ทาสารหล่อลื่นไม่ให้เกิดการเสียดสีกับขาช้างมากนัก พร้อมทั้งดูแลเรื่องความสะอาด อาบน้ำให้เพื่อไล่แมลงรบกวน”

สัตวแพทย์หญิงกิตติยาภรณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องอาหารของช้างนั้นมีทั้งอาหารหยาบ อาหารเสริม ซึ่งอาหารเสริมได้แก่ กล้วยกับอ้อย แต่อ้อยน้ำตาลสูงจึงไม่ให้กินมากเกินไป ส่วนกล้วยในสัตว์ป่วยไม่ควรเกินวันละ 10 หวี และไม่ควรเป็นกล้วยดิบ เพราะมีแก๊สมาก

ส่วนอาหารหยาบเป็นหญ้าเนเปีย และใบกล้วย เพราะเท่าที่สังเกตช้างป่าตัวนี้ชอบกินใบกล้วย ส่วนผลตรวจเลือดเพื่อหาเชื่อโรคจากสถาบันสุขภาพสัตว์นั้นยังไม่ออก เป็นเพียงผลตรวจเบื้องต้นที่พบว่ามีปริมาณเม็ดเลือดขาวมากกว่าปกติ ซึ่งขณะนี้ทีมแพทย์ต้องประเมินการรักษาแบบวันต่อวัน ยังไม่สามารถคาดการณ์ระยะเวลาหายป่วยของช้างได้ แต่มีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการรักษาของทีมสัตวแพทย์จากกรมอุทยานแห่งชาติฯ นั้น แม้จะมีหลายทีมแต่ได้มีการปรึกษากันตลอด การรักษาจะเป็นไปในแนวทางเดียวกัน

ด้าน น.ส.กาญจนา ศิลปอาชา นักอนุรักษ์สัตว์ป่า กล่าวว่า ติดตามข่าวของช้างป่าที่ป่วยตัวนี้มาตั้งแต่ต้น รู้สึกเป็นห่วง และพอว่างจากภารกิจจึงได้เดินทางมาเยี่ยมดูอาการ เห็นว่ามีอาการดีขึ้นก็ดีใจ และทราบว่า ช้างป่าโขลงใหญ่ยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ก็เชื่อว่าโขลงจะไม่ทิ้ง หากหายป่วยก็น่าจะกลับเข้าโขลงได้ไม่ยากนัก ต้องขอขอบคุณทีมสัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ดูแลช้างป่าที่ป่วยเป็นอย่างดี ตนขอเป็นกำลังใจให้ และจะเดินทางมาดูอาการอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะสามารถปล่อยช้างกลับคืนป่าได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม นายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ให้เจ้าหน้าที่อุทยานจัดทำนั่งร้านเพื่อติดตามพฤติกรรมฝูงช้างป่าในพื้นที่บริเวณช้างป่วย พร้อมติดตั้งกล้องถ่ายภาพสัตว์ป่า camera trap เพิ่มเติม เพื่อความสะดวกต่อการทำงานของทีมสัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่เฝ้าติดตามอาการ และบันทึกพฤติกรรมความเปลี่ยนแปลงของช้างป่า

นอกจากนี้ น.ส.กาญจนา ศิลปอาชา นักอนุรักษ์สัตว์ป่า ยังได้มอบเงินสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่เฝ้าดูอาการช้างป่า จำนวน 10,000 บาทด้วย