กาฬสินธุ์ - เกษตรกรหันปลูกฝรั่งแบบอินทรีย์ ลดต้นทุน ประหยัดน้ำ สร้างรายได้วันละ 2,000-3,000 บาท แนะลดใช้เคมีเพื่อรักษาสุขภาพตัวเองและผู้บริโภค
ที่สวนเจ้าจอม หมู่ 4 บ้านหนองบัว ต.โพนทอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นสวนฝรั่งและผลไม้นานาชนิด ของนางศรีประภัย อัดกระโทก อายุ 49 ปี ที่เริ่มทำสวนแห่งนี้มาตั้งแต่ปี 2541 แต่เริ่มเป็นสวนอินทรีย์ปลอดสารเคมีในปี 2544 สาเหตุของการเปลี่ยนวิถีการทำสวนมาจากปัญหาสุขภาพ ต้นทุน และผลผลิต ที่เห็นข้อแตกต่างอย่างชัดเจน
นางศรีประภัยกล่าวว่า เริ่มต้นทำสวนฝรั่งด้วยการใช้สารเคมี ทั้งปุ๋ยและยาฆ่าแมลง แต่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นเรื่อยๆ ปีนี้ใส่กระสอบละ 1 ไร่ ปีหน้าก็ต้องเพิ่มเป็นเท่าตัว ผลผลิตไม่ได้ตามต้องการ รสชาติไม่มีความหวาน เนื้อไม่กรอบ จึงไปเข้าโครงการกับทางราชการ ซึ่งเกษตรตำบล และเกษตรอำเภอได้ให้คำแนะนำ แล้วมาศึกษาค้นคว้า กระทั่งมาเริ่มทำสวนฝรั่งแบบอินทรีย์
นอกจากผลผลิตดี รสชาติหวาน กรอบอร่อยเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคแล้ว ปัญหาสุขภาพที่เคยล้มป่วยบ่อยๆ เพราะอยู่เจอกับสารเคมีก็เริ่มหายไป
“พื้นที่เดิมเป็นนาข้าวและบ่อน้ำ เมื่อแรกเริ่มปลูกฝรั่งทำประมาณ 6-7 ไร่ และขยายพื้นที่จนเต็ม 16 ไร่ มีฝรั่งกว่า 4,000 ต้น สายพันธุ์ที่นำมาปลูกมี 2 สายพันธุ์ คือ กลมสาลี่ และแป้นสีทอง”
นางศรีประภัยกล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีไม้ผลนานาชนิดเป็นแนวกันชนตามหลักการของเกษตรอินทรีย์ ทั้งแก้วมังกร มะยงชิด มะปราง กล้วยน้ำว้า และพืชยืนต้น สามารถเก็บจำหน่ายได้ตลอดทั้งปี ปัจจุบันยังได้ทำปุ๋ยหมักใช้เอง ทำให้ต้นฝรั่งไม่โทรม มีอายุยืนยาว
โดยฝรั่งที่สวนบางต้นอายุมากถึง 18 ปี ถัดมา 15 ปี และ 12 ปี และยังให้ผลผลิตมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย นอกจากนี้การทำเกษตรอินทรีย์ยังทำให้ดินมีความชื้นอุดมสมบูรณ์ ไม่เปลืองน้ำ ทำให้ประหยัดต้นทุนไปเท่าตัว และที่พิเศษกว่านั้นคือ ฝรั่งออกผลตลอดทั้งปีโดยไม่ต้องใช้ฮอร์โมนเร่ง มีรสชาติหวาน กรอบ อร่อย
ทุกวันนี้สามารถเก็บผลฝรั่งได้มากถึงวันละ 100-150 กิโลกรัม ขายส่งในราคากิโลกรัมละ 20-30 บาท มีรายได้วันละ 2,000-3,000 บาทเป็นอย่างต่ำ