เชียงราย -ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย ป.ป.ส.และกองกำลังผาเมือง แถลงผลตามจับ 25 ราย ขยายผลจากคดีพลทหารขนยาบ้า 1.6 ล้านเม็ด ที่ถูกจับได้ที่จังหวัดแพร่แต่ หัวโจก 2 รายหนีซุกลาว เผยผลการจับกุมสามารถยึดทรัพย์ได้กว่า 200 ล้าน
วันนี้ (14 มิ.ย.) พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงราย และ สภ.แพร่ รวมทั้งทหารกองกำลังผาเมือง เปิดปฏิบัติการ “รหัสลับอินทนนท์ 1/2” โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ป.ป.ส.กว่า 500 นาย กระจายกันตรวจค้นหมู่บ้านเป้าหมาย จำนวน 25 เป้าหมาย เพื่อขยายผลในคดีจับกุมพลทหารวิชัย รักษคีรีเขต พร้อมของกลางยาบ้า 1.6 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 150 กิโลกรัม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 พ.ย.2557 ท้องที่ สภ.เด่นชัย จ.แพร่
ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่่สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ขยายผลจากเครือข่ายดังกล่าวได้เพิ่มเติมอีก 17 คน พร้อมของกลางอาวุธปืน 4 กระบอก เงินสด 412,000 บาท รถยนต์ 12 คัน ทองคำรูปพรรณ 4 เส้น โฉนดที่ดิน 16 แปลง หอพัก 40 หลัง บ้านพัก 2 หลัง โทรศัพท์มือถือ 22 เครื่อง รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดครั้งนี้ทั้งหมดประมาณ 200 ล้านบาท ทั้งนี้ ภายหลังปฏิบัติการได้มีการจัดแถลงข่าวโดยมีผู้แทน ป.ป.ส.จากประเทศ สปป.ลาว พม่า และจีนเข้าร่วมด้วย
พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ กล่าวว่า ในคดีที่ จ.แพร่ ดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลจนศาล จ.แพร่ ได้อนุมัติหมายจับ จำนวน 25 ราย โดยเป็นทั้งกลุ่มผู้ว่าจ้างรายใหญ่ ผู้ว่าจ้างให้คนไปขนยาเสพติด และผู้ขนยาเสพติด มีต้นทางขนยาเสพติดที่บ้านผาหมี ม.6 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จึงนำกำลังไปจับกุมผู้ต้องหาที่บ้านผาหมี และกระจายกำลังไปจับกุมตามจุดต่างๆ จนสามารถจับกุมในคดีนี้ได้แล้ว จำนวน 18 ราย โดยเป็นชนเผ่าม้ง จำนวน 9 ราย ส่วนที่เหลือเป็นเผ่าอาข่า มีทรัพย์สินที่ยึดได้ในครั้งนี้จำนวนมาก โดยบ้านบางหลังมีมูลค่านับ 10 ล้านบาท ส่วนผู้ที่ยังไม่ถูกจับกุมทางเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามจับกุมให้ถึงที่สุดต่อไป รวมทั้งจะร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ ป.ป.ส.ในการติดตามเส้นทางการเงินด้วย
นายเพิ่มพงษ์ กล่าวว่า ในปัจจุบันทาง ป.ป.ส.ได้ร่วมกับทางการ สปป.ลาว พม่า และจีนในโครงการแม่น้ำโขงปลอดภัย เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และเมื่อมีการตรวจจับในประเทศใด และขยายผลไปเกี่ยวข้องกับอีกประเทศหนึ่งก็จะได้แจ้งข้อมูลต่อกันเพื่อให้แต่ละฝ่ายช่วยกันติดตามจับกุม หรือปราบปรามต่อไป ซึ่งในกรณีคดีนี้พบว่า มีผู้ต้องหาจำนวนหนึ่งหลบหนีไป และมีอยู่ 2 ราย ที่คาดว่าหลบหนีเข้าไปใน สปป.ลาว จึงได้มอบหมายจับให้แก่ทาง สปป.ลาว เพื่อให้ช่วยติดตามต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ภานุเดช บุญเรือ ผบก.ภ.แพร่ กล่าวว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่จับกุมตัวพลทหารวิชัย ได้แล้วพบมีการใช้รถตรากงจักรกองพลทหารราบที่ 7 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และอาศัยการเป็นทหารเกณฑ์ขนยาเสพติดผ่านพื้นที่ จ.แพร่ จนถูกจับกุมดังกล่าว ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ขยายผลแล้วพบผู้ว่าจ้างเป็นชาวเขาเผ่าม้ง พื้นที่ อ.เชียงของ ซึ่งได้หลบหนีไปได้ 2 คน คือ นายทวีป ก่อเกียติทอง และนายพิชัย วรสิทธิ์ปัญญา โดยคาดว่าหลบหนีเข้าไปใน สปป.ลาว ดังกล่าว ส่วนคนอื่นๆ เกี่ยวข้องกันเป็นเครือข่าย โดยกลุ่มม้งจะเป็นคนว่าจ้าง และให้กลุ่มอาข่าขนยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านไปส่งที่บ้านผาหมี ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ก่อนที่ชาวม้งจะขนต่อกันเป็นทอดๆ จนไปถูกจับพร้อมของกลางที่ จ.แพร่ ดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในการตรวจค้นจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังกันไปตรวจค้นพื้นที่ ม.13 ต.แม่สาย อ.แม่สาย บ้านผาหมี ม.6 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ซึ่งที่บ้านผาหมี จับกุมผู้ต้องหาเป็นหญิงได้ จำนวน 2 คน โดยที่บ้านผาหมีถูกระบุว่า เป็นต้นทางของเส้นทางขนยาเสพติดระหว่างกลุ่มม้ง และมูเซอ ก่อนที่กลุ่มม้งจะมีการขนลำเลียงต่อลัดเลาะชายแดนจาก อ.แม่สาย ไปยัง อ.เชียงแสน และนำไปพักที่บ้านกิ่วกาญจน์ ต.ริมโขง อ.เชียงของ ก่อนที่ทางพลทหารวิชัย จะรับขนจาก อ.เชียงของ ไปตามเส้นทางเชียงของ-อ.ขุนตาล จ.เชียงราย และไปทาง อ.เชียงคำ-อ.จุน จ.พะเยา-อ.งาว จ.ลำปาง กระทั่งไปถูกจับกุมที่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ ดังกล่าว
ดังนั้น ครั้งนี้จึงมีการกระจายกำลังไปตรวจค้นทั้งที่บ้านทุ่งนาน้อย ม.11 ต.เวียง อ.เชียงของ บ้านม่วงกาญจน์ ม.9 ต.ริมโขง บ้านกิ่วกาญจน์ ม.6 ต.ริมโขง บ้านธารทอง ม.11 ต.แม่เงิน อ.เชียงแสน ซึ่งเป็นเครือข่ายของกลุ่มม้ง ส่วนกลุ่มอาข่า นอกจากจะไปตรวจค้นที่บ้านผาหมี ยังไปตรวจค้น และจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ ม.11 ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ม.3 ต.ห้วยชมภู อ.เมือง จ.เชียงราย ม.7 ต.โป่งงาม อ.แม่สาย ม.3 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย ม.9 ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย และยังไปจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน ที่ ต.กบินทร์ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี โดยผู้ต้องหาเป็นชาวอาข่าที่ย้ายไปจาก อ.แม่สายด้วย