เชียงราย - เลขาธิการ ป.ป.ส.นำทีมกดปุ่ม ส่งกำลังร่วมกับตำรวจ ภ.1, 5, 9 พร้อมทหาร ทลายเครือข่ายค้ายานรกเหนือ-กลาง-ใต้รายใหญ่ ที่ยังหนีหมายจับรวม 14 จุด ยึดเรียบทั้งบ้าน ที่ดิน รถ รวมมูลค่าร่วม 50 ล้าน
วันนี้ (8 ก.พ.) นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นำกำลังเจ้าหน้าที่ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 1, 5, 9 และทหารกองกำลังผาเมือง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ สำนักตรวจสอบทรัพย์สินคดียาเสพติด เปิดยุทธการทำลายเครือข่ายยาเสพติดแม่น้ำโขง 2.1 ซึ่งเป็นการปฏิบัติการตรวจค้น-อายัดทรัพย์สินเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ที่ยังหลบหนีหมายจับรวม 4 ราย คือ นายภาวี เลิศกฤติธร อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 217/1 ม.2 ต.เวียง อ.เทิง จ.เชียงราย ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ จ.84/2558
นายมนตรี แซ่อึ้ง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 754 ม.7 ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ จ.83/2558
นายนิกร แซ่ลี อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 ม.15 ต.ป่าซาง อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ จ.88/2558
และนายกฤษณันท์ มณีโรจน์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 ซอยราษฎร์อุทิศ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับของศาลจังหวัดสงขลา ที่ 60/2550 ข้อหาร่วมกันมียาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
โดยใน จ.เชียงรายเริ่มรวมพลที่ ฉก.ม.2 กองกำลังผาเมือง ค่ายเม็งรายมหาราช ก่อนกระจายกำลังกันออกค้นและจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ตามเป้าหมายที่สืบทราบว่าอยู่ในพื้นที่เชียงราย 8 จุด เชียงใหม่ 1 จุด นอกจากนี้ยังเข้าตรวจสอบ-ยึดทรัพย์เป้าหมายใน จ.สมุทรปราการ 1 จุด นนทบุรี 1 จุด และสงขลา 3 จุด รวมทั้งหมด 14 จุด
การเข้าตรวจค้น-อายัดทรัพย์ของนายภาวี เลิศกฤติธร มีขึ้นหลัง ป.ป.ส.ร่วมกับ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ ตรวจสอบพบว่ามีขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่สามารถจัดหายาเสพติดจากชายแดนไทย-พม่า และไทย-สปป.ลาว โดยเฉพาะด้าน จ.เชียงราย ได้ครั้งละเป็นจำนวนมาก ลักลอบขนลำเลียงเข้าสู่ประเทศไทยทางแม่น้ำโขงตั้งแต่สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ถึง จ.เลย และหนองคาย ก่อนนำไปเก็บพักและจำหน่ายในพื้นที่ภาคกลาง โดยเฉพาะกรุงเทพฯ สมุทรปราการ และนนทบุรี
ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายนี้ได้แล้วหลายคน แต่ยังไม่สามารถจับกุมตัวนายภาวี ทำให้ยังมีการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาตามเส้นทางดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสามารถจับกุมผู้ซื้อรายหนึ่งให้การซัดทอดว่าเป็นลูกค้าของนายภาวี เจ้าหน้าที่จึงได้ขอออกหมายจับกุมนายภาวี และพวกอีก 2 คน คือ นายมนตรี และนายนิกร แต่ทั้งหมดยังหลบหนี จึงติดตามยึดทรัพย์สินเป็นเงินในบัญชีธนาคารประมาณ 25 ล้านบาท รถยนต์ 6 คัน รถจักรยานยนต์ 3 คัน ที่ดินพร้อมบ้าน 8 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่
ส่วนรายของนายกฤษณันท์ เป็นผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับมาตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งทาง ป.ป.ส. และตำรวจภาค 9 ต้องการตัวมากที่สุดคนหนึ่ง มีพฤติกรรมจัดหายาเสพติดจากชายแดนเชียงรายและภาคกลางไปส่งให้เครือข่ายในพื้นที่ภาคใต้ ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าเจ้าตัวหลบหนีไปอยู่ย่าน ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทุบรี จึงพยายามติดตามอายัดทรัพย์
ซึ่งผลการเปิดยุทธการตรวจค้นใน จ.นนทบุรี และ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ได้ยึดและอายัดทรัพย์บ้าน รถยนต์ และทรัพย์สินอื่นๆ ของนายกฤษณันท์ได้รวมกันประมาณ 15 ล้านบาท รวมทรัพย์สินที่ยึดได้จากปฏิบัติการครั้งนี้ประมาณ 50 ล้านบาท
