สุโขทัย - ชาวนาสุโขทัยเสี่ยงทำนาแห้งเป็นปีแรกกว่า 2,000 ไร่ หลังเจอแล้งทั้งที่ย่างเข้าหน้าฝน ชลประทานปล่อยน้ำให้แล้วก็ยังไม่พอใช้ ยอมรับสภาพถ้าฝนไม่ตกใน 30 วันขาดทุนแน่ แต่ยังดีกว่าทนทำนาดำที่ขาดทุนเห็นๆ จากราคาข้าวที่ตกต่ำเหลือตันละ 4 พันบาท
วันนี้ (9 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ชาวนาในพื้นที่หมู่ 3 บ้านเกาะวงษ์เกียรติ์ และหมู่ 4 บ้านเตว็ด ต.ทับผึ้ง อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ทดลองทำนาแห้งเป็นครั้งแรก รวมเนื้อที่กว่า 2,000 ไร่ เนื่องจากมีน้ำไม่เพียงพอที่จะใช้ทำนาปี แม้ว่าทางชลประทานได้สูบน้ำในแม่น้ำยมมายังคลองสาขาให้แล้วก็ตาม
แต่เนื่องจากมีข้อกำหนดว่าต้องให้แต่ละหมู่บ้านผลัดกันสูบน้ำทำนา หมู่บ้านละ 2 วัน จึงทำให้มีน้ำไม่เพียงพอ ชาวนาหมู่ 3 และหมู่ 4 ต.ทับผึ้ง จึงยอมที่จะเสี่ยงทำนาแห้งแทน
นางลำจวน เลื่อนลอย ชาวนา ต.ทับผึ้ง กล่าวว่า ปีนี้ฝนตกน้อย น้ำไม่พอใช้ทำนาปี เกษตรกรหลายคนจึงทดลองทำนาแห้งกันเป็นครั้งแรก ด้วยการไถดินแล้วหว่านเมล็ดพันธุ์ลงไปบนดินที่แห้ง จากนั้นก็รอให้ฝนตกลงมาเพื่อให้น้ำหล่อเลี้ยงต้นข้าว แต่ก็ต้องยอมเสี่ยงขาดทุน เพราะถ้าภายใน 30 วันไม่มีฝนตกลงมา เมล็ดพันธุ์ที่หว่านทิ้งไว้ก็จะแห้งตายทันที
อย่างไรก็ตาม การทำนาแห้งดีกว่าการทำนาดำเพราะต้นทุนต่ำกว่า ไม่ต้องเสียเงินซื้อน้ำมันมาสูบน้ำเข้านา และไม่ต้องจ้างคนมาดำนาให้ ประกอบกับตอนนี้ราคาข้าวเหลือแค่ตันละ 4,000 บาท ถ้าทำนาดำก็ขาดทุนอยู่ดี จึงยอมเสี่ยงทำนาแห้งดีกว่า