ร้อนแล้งกระทบคุณภาพข้าว แนะเกษตรกรเปลี่ยนสายพันธุ์เพิ่มผลผลิต

กาฬสินธุ์ - ผู้จัดการตลาดกลางข้าวและพืชไร่กาฬสินธุ์ชี้ร้อนแล้งกระทบคุณภาพข้าว เกษตรกรต้องเปลี่ยนสายพันธุ์ที่มีคุณภาพมากขึ้น คาดผลผลิตข้าวนาปีอาจจะล่าช้าหลังปล่อยน้ำไม่ตรงตามกำหนด

วันนี้ (29 พ.ค.) นายธนาพล ธรรมโนขจิต ผู้จัดการตลาดกลางข้าวและพืชไร่ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้เพิ่งรับซื้อข้าวนาปรังจากเกษตรกร โดยราคาข้าวเปลือกปีนี้ข้าวเจ้าอยู่ที่ตันละ 6,000-6,500 บาท ข้าวเหนียว 8,000-9,500 บาท บรรยากาศการรับซื้อเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมายังไม่คึกคักมากนัก สาเหตุจากข้าวออกช้ากว่ากำหนด และเกษตรกรเอาข้าวมาขายทีละน้อยๆ เพราะต้องเก็บไว้บริโภคในช่วงเศรษฐกิจไม่ค่อยดี

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของข้าวนาปีเท่าที่ทราบยังไม่มีการปลูกข้าวเพราะฝนยังไม่มี น้ำตามคลองชลประทานก็ยังมาไม่ถึง ซึ่งอาจจะทำให้การค้าข้าวเปลือกของ จ.กาฬสินธุ์ ไม่แตกต่างกันกับข้าวนาปรัง เพราะต้องเป็นไปตามกลไกของตลาด มีความต้องการข้าวราคาก็ขยับขึ้นตามความต้องการนั้น

นายธนาพลกล่าวว่า นอกจากนี้ ปีนี้ชาวนาต้องเจอกับปัญหาน้ำน้อย ร้อนแล้งในหลายพื้นที่ คุณภาพข้าวจึงยังเป็นปัญหาของเกษตรกรส่วนใหญ่ เพราะที่ผ่านมาข้าวราคาตกต่ำนั้นสาเหตุหนึ่งมาจากคุณภาพข้าวที่เมล็ดลีบ ไม่มีน้ำหนัก แนวทางแก้ไขคงต้องเริ่มต้นที่การเปลี่ยนพันธุ์ข้าวทั้งข้าวนาปรัง และข้าวนาปี เพราะต้องเข้าใจว่าเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เกษตรกรมีอยู่ หากซื้อกับหน่วยงานที่รับรองคุณภาพอาจลงทุนสูง จึงอาศัยซื้อเมล็ดพันธุ์จากเพื่อนบ้าน หรือใช้พันธุ์ที่มีอยู่นี้มายาวนาน บางรายก็เป็น 10 ปี ผลผลิตน้อย เฉลี่ยที่ 500-700 กิโลกรัมต่อไร่ จากเดิมที่ประมาณ 1-1.2 ตันต่อไร่

เมล็ดพันธุ์ข้าวจึงเป็นปัจจัยหลักในการทำนาในขณะนี้ เพราะปกติเกษตรกรจะต้องเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวทุก 2-3 ปี ซึ่งหากเกษตรกรปรับเปลี่ยนการทำนาใหม่ เรียนรู้มากขึ้น ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ก็จะเพิ่มขึ้น รวมถึงข้าวก็มีคุณภาพด้วย

ทั้งนี้ เกษตรกรใน จ.กาฬสินธุ์ โดยเฉพาะเขตชลประทาน 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ฆ้องชัย อ.กมลาไสย อ.ร่องคำ อ.ยางตลาด และ อ.เมือง ยังไม่เริ่มทำนาตามฤดูกาลผลิตข้าวนาปี 2558/59 ทำเพียงหว่านปุ๋ยลงดิน และไถเตรียมดินรอน้ำเท่านั้น ขณะที่คลองน้ำชลประทานยังแห้งขอด โดยแต่เดิมจะมีการปล่อยน้ำวันที่ 25 พ.ค. หลังปิดมาตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ทางเขื่อนยังไม่ปล่อยน้ำให้เกษตรกรได้ทำการเกษตรเลย