ศูนย์ข่าวศรีราชา - หญิงชราใจบุญ สวมวิญญาณแม่นมรับฝากเลี้ยงเด็กน้อยแรกเกิดเสมือนลูกนาน 36 ปี สุดท้ายกลับแสดงความก้าวร้าว ทำร้ายร่างกาย ขู่ฆ่า ตัดสินใจตัดขาดสัมพันธ์ เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมอำเภอสัตหีบ วอนพ่อในไส้มารับไปเลี้ยงดู
วันนี้ (3 มิ.ย.) นางบุญศรี เชิงลอย อายุ 73 ปี อาชีพรับเลี้ยงเด็ก พร้อมด้วย น.ส.ศิริจันทร์ เชิงลอย อายุ 45 ปี บุตรสาว ได้เข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี พร้อมยื่นหนังสือต่อ นายอภิชาติ จันทร์แจ่ม ปลัดอำเภอฝ่ายอำนวยความเป็นธรรม ให้ช่วยเหลือติดตามตัวนายเดวิทย์ เหลืองอ่อน อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96/10 ซอยจามจุรี ม.6 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มารับตัว นายอนุรักษ์ เหลืองอ่อน อายุ 36 ปี บุตรชายที่นำมาฝากเลี้ยงไว้ตั้งแต่แรกเกิด
นางบุญศรี กล่าวว่า เดิมตนมีอาชีพรับเลี้ยงเด็ก กระทั่งเมื่อปี 2522 หรือเมื่อ 36 ปีที่แล้ว นายเดวิทย์ ได้นำลูกชายที่เพิ่งเกิดมาเพียงไม่กี่วันมาฝากเลี้ยงไว้กับตน ด้วยเงินค่าจ้างขณะนั้นเพียงเดือนละ 400 บาท ด้วยความที่เป็นคนรักเด็ก จึงได้ชุบเลี้ยงเด็กคนนี้เสมือนลูกตัวเองมาจนโต เมื่อเด็กเริ่มพูดจารู้เรื่องก็ได้ติดต่อไปทางพ่อให้มารับกลับไปเลี้ยงดู แต่ก็ถูกปฏิเสธมาโดยตลอด ไม่ได้มาหา หรือเอาใจใส่อะไรมาก ส่งเสียให้เพียงเงินค่าจ้างเลี้ยง หายารักษาพยาบาล และเสื้อผ้าเพียงเท่านั้น ด้วยความสงสารจึงได้ชุบเลี้ยงเด็กมานานถึง 36 ปี ก่อนจะปรับขึ้นเงินให้เดือนละ 1,500 บาท เมื่อ 2 เดือนก่อน พร้อมให้ใช้สิทธิบัตร 30 บาท ในการดูแลรักษาสุขภาพ
กระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เด็กเหมือนขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่ที่แท้จริง เริ่มก้าวร้าว พูดจาหยาบคาย ล่าสุด ได้ทำร้ายร่างกาย และขู่จะฆ่าคนในบ้าน ซึ่งตนไม่ทราบว่าเกิดจากอุบัติเหตุทางรถที่กระทบกระเทือนทางสมองหรือไม่ ทุกคนในครอบครัวซึ่งมีสามีที่พิการ บุตรสาว และตนที่ชราลงมากต่างต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัว จึงได้ติดต่อให้นายเดวิทย์ มารับลูกไปเลี้ยงดู แต่ได้รับการปฏิเสธแบบไม่ไยดี โทรศัพท์ไปก็เปลี่ยนเบอร์ ไปหาก็บอกย้ายออกไปแล้ว ปัดความรับผิดชอบ ทำตัวสาบสูญไร้ร่องรอย
ล่าสุด ได้ตรวจสอบจากทะเบียนราษฎร พบว่า นายเดวิทย์ ย้ายไปอยู่ยังบ้านเลขที่ 26/5 หมู่ 1 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จึงต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยติดตามตัวผู้เป็นพ่อมารับตัวลูกในใส้ไปเลี้ยงดูเพื่อให้เขาได้รับความอบอุ่นจากผู้เป็นบุพการีของเขาเอง ดีกว่าปล่อยกระทำสิ่งไม่ควร จนต้องโทษทางกฎหมาย
ด้านนายอภิชาต รับเรื่องร้องทุกข์แล้วจะรายงานให้ นายปริญญา โพธิสัตย์ นายอำเภอสัตหีบ ทราบ เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมจะเป็นสื่อกลางในการติดตามตัวผู้เป็นพ่อที่แท้จริงให้มารับตัวบุตรชายไปดูแลตามหน้าที่ของพ่อต่อไป