บุรีรัมย์ -ฉาวอีก พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ปลอมลายเซ็น สสจ. ผอ.โรงพยาบาล สาธารณสุขอำเภอ และ อสม.กว่าพันคน ทำโครงการกว่า 10 โครงการ ยักยอกเงินงบประมาณโรงพยาบาลกว่า 2.7 ล้านบาทไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ขณะเจ้าหน้าที่ และ อสม.กว่า 700 คนเข้าให้ปากคำ ยันไม่เกี่ยวข้อง
วันนี้ (27 พ.ค.) น.ส.อารยา เชตะโพธิ์ นักวิชาการสาธารณสุขอำเภอแคนดง จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วยนายอุเทน วิเศษบุพผา ประธานอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) อำเภอสตึก และ อสม.อีกจำนวนมาก ได้ทยอยเข้าให้ปากคำต่อ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ฤทธิ์ไธสง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.สตึก พร้อมลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีที่นางวิภานันท์ อ่อนวิจารย์ อายุ 49 ปี พยาบาลวิชาชีพ ชำนาญการโรงพยาบาลสตึก ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้ากลุ่มงานเวชปฏิบัติครอบครัว ได้ปลอมลายมือชื่อของนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสตึก สาธารณสุขอำเภอสตึก เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอีกหลายคน รวมทั้งยังปลอมแปลงลายมือชื่อ อสม.อีกกว่า 1,000 คน จากที่มี อสม.ในพื้นที่ อ.สตึกจำนวน 1,920 คน
ทั้งนี้ เพื่อประกอบการทำโครงการต่างๆ ในการยักยอกเงินงบประมาณของโรงพยาบาลสตึก เช่น โครงการสนับสนุนการพัฒนาบริการปฐมภูมิตามเกณฑ์คุณภาพเครือข่าย อ.สตึก, โครงการพัฒนาศักยภาพนักจัดการสุขภาพครอบครัว, โครงการติดตามความดันโลหิตตนเองในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง และโครงการอื่นๆ รวมกว่า 10 โครงการ โดยดำเนินการในห้วงเดือน ต.ค. 2557-ก.พ. 2558 ซึ่งแต่ละโครงการจะระบุว่าไปอบรมศึกษาดูงานยังต่างจังหวัด เฉลี่ยโครงการละตั้งแต่ 40,000-330,000 บาท รวมเป็นเงินที่ยักยอกทั้งสิ้นกว่า 2,700,000 บาท นำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว แต่ไม่ได้มีการดำเนินการตามโครงการที่เสนอจริงแต่อย่างใด
กระทั่งนายแพทย์ สมพงษ์ จรุงจิตตานุสนธิ์ สาธารณสุข จ.บุรีรัมย์ และนายแพทย์ สมพงษ์ เชิดชูพงศ์ล้ำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสตึก ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ถูกปลอมลายมือชื่อ ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.สตึก พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้อนุมัติโครงการและลงลายมือชื่อทั้ง 10 โครงการ ตามที่ น.ส.วิภานันท์ ได้จัดทำขึ้นเพื่อยักยอกเงินแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้ได้มี อสม. และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลในพื้นที่ อ.สตึก และอำเภอใกล้เคียง ที่ถูกระบุมีส่วนร่วมในโครงการฯ เข้าให้ปากคำ และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมในทุกโครงการที่ น.ส.วิภานันท์ ได้ปลอมเอกสารเพื่อยักยอกเงินงบประมาณแล้วกว่า 700 คน
ด้านพนักงานสอบสวนจะได้เร่งสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง และ อสม.ทั้งหมดที่ถูกปลอมแปลงลายมือชื่อส่งให้ ป.ป.ท.ภายใน 30 วัน เพื่อดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดตามกฎหมายกับ น.ส.วิภานันท์ ดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ การกระทำของ น.ส.วิภานันท์ เข้าข่ายปลอมเอกสาร ใช้เอกสารปลอมปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ฉ้อโกง ซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน แต่คดีดังกล่าวเป็นอำนาจของ ป.ป.ท.ที่จะดำเนินการตรวจสอบเอาผิด
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้เรียก น.ส.วิภานันท์มาสอบปากคำ ก็ให้การรับสารภาพว่าได้ทำการปลอมลายมือชื่อ และเอกสาร เพื่อทำโครงการยักยอกเงินจริง