ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - แพทย์ระบุ “หลวงพ่อคูณ” จากไปตั้งแต่อยู่วัดบ้านไร่ ยันทีมแพทย์ให้การรักษายื้อชีวิตเต็มที่ แต่เหตุหยุดหายใจเป็นเวลานาน ทำให้อวัยวะอื่นๆ ล้มเหลว และมรณภาพในที่สุด ด้านรองผู้ว่าฯ เรียกประชุมด่วน เปิดพินัยกรรมยันต้องมอบร่างให้ รพ.ศรีนครินร์ มข.ใน 24 ชม. ด้านลูกศิษย์ยื้อขอนำสังขารบำเพ็ญกุศลวัดบ้านไร่ 7 วันก่อนส่งมอบ
เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (16 พ.ค.) ที่ห้องประชุมบุญประสงค์ หอผู้ป่วยหนักอายุรกรรม ชั้น 2 อาคารการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา นพ.สมอาจ ตั้งเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา พร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้รักษาหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ คณะกรรมการวัดบ้านไร่ และญาติ ได้ร่วมกันแถลงข่าวอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ ต่อสื่อมวลชน
นพ.สมอาจ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการทำงานหลายระบบของหลวงพ่อคูณ ล้มเหลว และเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น ทางคณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และโรงพยาบาลศิริราชได้ให้การรักษาอย่างเต็มที่ และหลวงพ่อคูณ ได้มรณภาพอย่างสงบ เมื่อเวลา 11.45 น. ที่ผ่านมา ส่วนการจัดการต่อสังขารของหลวงพ่อคูณจะมีการหารือกันอีกครั้ง เนื่องจากท่านได้บริจาคร่างกายให้แก่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) นั้น ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น กำลังเดินทางมา ส่วนการจัดพิธีการต่างๆ จะมีการหารือของจังหวัด และคณะลูกศิษย์อีกครั้งหนึ่ง
ด้าน นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ ประธานคณะกรรมการแพทย์ให้การรักษาพระเทพวิทยาคม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา กล่าวว่า สาเหตุที่หลวงพ่อมรณภาพอย่างที่ทุกคนทราบ คือ หลวงพ่อคูณหยุดหายใจ สาเหตุคือ มีลมรั่วเข้ามาในปอด หรือปอดแตกทำให้หัวใจหยุดเต้น เนื่องจากเราต้องช่วยปั๊มหัวใจเป็นนาน ปกติสมองขาดออกซิเจน 4 นาทีก็แย่แล้ว แต่กรณีของหลวงพ่อคูณทางเราได้พยายามปั๊มหัวใจนานถึง 1 ชั่วโมง
หลังจากที่นำท่านมาถึงโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ก็พยายามช่วยเต็มที่ แต่ท่านมีภาวะเป็นผักแล้ว คือไม่รับรู้ใดๆ แล้ว คือ พูดตรงๆ ท่านจากเราไปตั้งแต่อยู่วัดบ้านไร่แล้ว หลังจากที่ท่านหยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้นเป็นเวลานานก็พาให้อวัยวะอื่นๆ แย่ตามไปด้วย คือ สมอง ไปตั้งแต่แรก ต่อมาก็หัวใจ เราก็พยายามยื้อ และต่อมาก็ปอด จนมาที่ไต ซึ่งเป็นผลพวงจากการที่หยุดหายใจ และหัวใจหยุดเต้นเป็นเวลานาน ทำให้อวัยวะที่สำคัญหลายอวัยวะของท่านวายตามไปด้วย ฉะนั้นนี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หลวงพ่อมรณภาพในที่สุด
ต่อมา เมื่อเวลา 13.30 น. นายบุญยืน คำหงส์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้เรียกประชุมคณะกรรมการวัดบ้านไร่ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา วัฒธรรมจังหวัดนครราชสีมา และคณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เพื่อหารือในการดำเนินการเกี่ยวกับพินัยกรรม และการจัดการต่อสังขารหลวงพ่อคูณ
พระราชสีมาภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า มติที่ประชุมให้ทำตามพินัยกรรมฉบับสุดท้ายซึ่งหลวงพ่อคูณระบุไว้อย่างชัดเจนตอนที่มีชีวิตอยู่ และมีสติสัมปชัญญะว่า ให้บริจาคร่างกายให้แก่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งจะต้องทำตามพินัยกรรมที่ทำไว้ ส่วนที่จะนำศพไปที่วัดบ้านไร่ได้ก่อนหรือไม่นั้น คงต้องรอคณะแพทย์จากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ มาถึงก่อนว่า จะอนุญาตตามที่ลูกศิษย์ขอไว้ว่าให้ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านไร่ 7 วันก่อน แต่หากโรงพยาบาลศรีนครินทร์จำเป็นต้องนำศพไปก็คงต้องรออีก 2-3 วัน จากนั้นจะคืนศพกลับมาบำเพ็ญกุศลได้
ทั้งนี้ พินัยกรรมฉบับสุดท้ายระบุว่า หากหลวงพ่อหมดลมหายใจให้นำศพไปบำเพ็ญกุศลที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งประเด็นนี้ทางลูกศิษย์อยากจะขอไว้ก่อนเพราะหลวงพ่อคูณ มีศิษยานุศิษย์เลื่อมใสศรัทธามาก จึงอยากจะตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่วัดบ้านไร่ ก่อนที่จะมอบให้ทางโรงพยาบาลศรีนครินทร์นำไปศึกษา แต่นายบุญยืน ประธานในที่ประชุม ได้แย้งว่า ต้องให้เป็นไปตามพินัยกรรมของหลวงพ่อคูณ ฉะนั้นจึงยังหาข้อยุติไม่ได้ คงต้องรอปรึกษาคณะแพทย์จากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ก่อนว่า จะดำเนินการอย่างไร
สำหรับ พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทดจ.นครราชสีมา สิริรวมอายุได้ 92 ปี บรรพชา มา 74 พรรษา ซึ่งหลวงพ่อคูณได้ทำพินัยกรรม ฉบับสุดท้ายไว้เมื่อปี 2543 ว่า บริจาคร่างกายให้แก่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้นำไปศึกษาค้นคว้า และเมื่อสิ้นสุดการค้นคว้าแล้วให้จัดงานแบบเรียบง่าย อัฐิ เถ้าถ่าน และเศษทั้งหมดให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำไปลอยที่ แม่น้ำโขง จ.หนองคาย หรือตามความเหมาะสม