ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ที่ดินจังหวัดฯ ชงเพิกถอนโฉนดที่ดินนายช่างรังวัด ส.ป.ก.โคราช ฮุบป่าเขาใหญ่ขายกว่า 155 ไร่ 18 พ.ค.นี้ ด้านผู้ว่าฯ เตือนข้าราชการอย่าโลภทำเสียอนาคตและโดนคดีด้วย ด้าน ปปง.อายัดทรัพย์สินนายช่างรังวัดไว้หมดแล้ว เชื่อโกยเงินฮุบป่าขายกว่า 100 ล้าน คาด ส.ป.ก.ตื่นแจ้งความจับ ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ดินร่วมทุจริตรับเละ 40-50 ล้านบาท เผ่นลาออกจากราชการแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีชุดปฏิบัติการพิเศษกระทรวงยุติธรรม นำโดย พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.อ.สมหมาย บุษบา หัวหน้าคณะทำงานเพื่อความมั่นคงกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 2 และคณะ ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่ปฏิรูปที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) บริเวณทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
กรณีเจ้าหน้าที่รัฐ คือ นางพรทวี สุตันติราษฎร์ นายช่างรังวัด ส.ป.ก.นครราชสีมา นำ ส.ค. 1 เลขที่ 19 หมู่ 3 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เนื้อที่ 30 ไร่ มาออกโฉนดที่ดินเกินเนื้อที่กว่า 155 ไร่ โดยออกในนามของสามีตัวเองคือ นายสุวัฒน์ สุตันติราษฎร์ และเป็นการออกโฉนดที่ดินรุกล้ำที่ดิน ส.ป.ก. กว่า 130 ไร่ ก่อนจัดสรรขายให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคน ในราคาไร่ละกว่า 10 ล้านบาทนั้น
ล่าสุดวันนี้ (12 พ.ค.) ที่ห้องทำงานผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้เรียกให้นายมลศักดิ์ จงรักษ์ ที่ดินจังหวัดนครราชสีมา เข้าพบเพื่อรายงานความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีของนางพรทวี ที่มีการออกโฉนดที่ดินบุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก. บริเวณทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หมู่ 3 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กว่า 130 ไร่
นายธงชัยเปิดเผยว่า จากรายงานของที่ดินจังหวัดนครราชสีมา พบว่าการออกโฉนดที่ดินในพื้นที่ดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมาย หากดูจากเอกสารหลักฐานที่อ้างว่าออกโฉนดมาจาก ส.ค. 1 จำนวน 30 ไร่ ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนสมัยก่อนจะเข้าไปแผ้วถางป่าได้มากถึง 30 ไร่ แต่จะมีที่มาที่ไปอย่างไรไม่ทราบ ซึ่งอาจเป็น ส.ค. 1 บินมาจากที่อื่นก็เป็นได้ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ คาดว่าในวันจันทร์นี้ (18 พ.ค.) ทางที่ดินจังหวัดนครราชสีมาจะเสนอเรื่องการเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้งหมด 155 ไร่ดังกล่าวมาให้ตนอีกครั้ง
“เท่าที่ดูตัวเลขและอะไรต่ออะไรก็คงจะเข้าใจกันบ้างแล้ว เพียงแต่มันยังไม่ถึงข้อยุติ ฉะนั้นเราต้องรอฟังดูอีกทีหนึ่ง” นายธงชัยกล่าว
นายธงชัยกล่าวต่อว่า ตนอยากจะเตือนทุกคนว่าที่เราทำกันขณะนี้ แม้แต่การรื้อร้านอาหารมอปลาย่างบุกรุกที่ดินราชพัสดุ และพวกที่บุกรุกทรัพยากรของชาตินั้น เป็นข้อหาพื้นฐานที่นำไปสู่การยึดทรัพย์ อายัดทรัพย์ทั้งนั้น ฉะนั้นอยากเตือนเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเบื้องต้นเลยว่าอย่าไปเกี่ยวข้องเป็นอันขาด ท่านอาจทำได้ในยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไปมันจะเดือดร้อน เพราะมันไม่มีอะไรที่จะปิดบังไปได้ตลอด สุดท้ายวันหนึ่งก็จะอยู่ไม่เป็นสุข
ฉะนั้นอย่าไปยุ่งกับที่สาธารณะ ที่ป่าไม้ ที่ ส.ป.ก. หากเราไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปอยู่ก็อย่าไปอยู่เลย ควรงดเสียแต่แรก ตัดไฟแต่ต้นลมดีที่สุด ซึ่งหากคิดอยากได้นอกจากสูญเสียแล้วก็โดนอย่างอื่นด้วย ทั้งนี้เพราะหากมีการเพิกถอนโฉนดที่ดินออกโดยมิชอบแล้ว จากนั้นทาง ส.ป.ก.ก็จะต้องไปแจ้งความดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำผิดด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ดำเนินการอายัดทรัพย์สินต่างๆ ของ นางพรทวี สุตันติราษฎร์ นายช่างรังวัด ส.ป.ก.นครราชสีมา ไว้เพื่อตรวจสอบทั้งหมดแล้ว โดยมีรายงานว่าเงินรายได้ที่เกิดจากการขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้บรรดาข้าราชการนั้นรวมมากกว่า 100 ล้านบาท ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ดินรายที่ร่วมทุจริตออกโฉนดที่ดินให้นางพรทวีนั้น ปัจจุบันได้ลาออกจากราชการไปแล้ว ซึ่งได้เงินจากการดำเนินการครั้งนี้ไปไม่น้อยกว่า 40-50 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากรายงานข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องกับการทุจริตออกโฉนดที่ดินดังกล่าวจำนวน 9 ราย ประกอบด้วย 1. นายอรุณ สหธรรมปกรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน, 2. นายชูชีพ หอขุนทด นายช่างรังวัดเดินสำรวจปักหลักเขต, 3. นายจงกล ชาติบุษป์ เจ้าหน้าที่สอบสวนสิทธิ์, 4. นายสัญญา กาญจนแก้ว ผู้กำกับการรังวัด, 5. นางมารินี คงปราบ ผู้กำกับการเดินสำรวจ, 6. นางพรทวี สุตันติราษฎร์ นายช่างรังวัด ส.ป.ก.นครราชสีมา, 7. นายรดิษฏีก์ ปรุงโพธิ์ นิติกร ส.ป.ก., 8. นายทินกร การรักษา นิติกรชำนาญการพิเศษ ส.ป.ก. (ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี) และ 9. ผู้ใหญ่บ้านในท้องที่ออกโฉนดที่ดิน
ส่วนภาคเอกชนที่ร่วมกระทำผิด พบมีจำนวน 3 ราย คือ นายสุวัฒน์ สุตันติราษฎร์ นักธุรกิจ ผู้ออกโฉนดที่ดิน สามีของนางพรทวี และผู้ที่มีชื่อในโฉนดที่ดินอีก 2 ราย
ล่าสุดในส่วนเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 9 คนนั้น ทาง ป.ป.ท.ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว จากนั้นคณะอนุกรรมการฯ จะนำผลสรุปเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ท.เพื่อชี้มูลความผิดต่อไป คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน