ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ผู้ว่าฯ โคราช เผย ส.ป.ก.อยู่ระหว่างตรวจสอบ “นายช่างรังวัด” ออกโฉนดฮุบที่ ส.ป.ก.เขาใหญ่ 130 ไร่ ชี้ตรวจสอบได้หมดหากผิดดิ้นไม่หลุดแน่ ต้องรับโทษหนักทั้งวินัย อาญา และชดใช้ทางแพ่ง กำชับ ขรก.ในพื้นที่ให้ความร่วมมือ ย้ำทุกเรื่องมีหลักฐานใครผิดต้องรับกรรม ด้าน ส.ป.ก.โคราช ดิ้นแจ้ง ตร.เพิ่มข้อหาบ้าน 3 หลัง ส่วน “นายช่างรังวัด” ยื้อรอผลสอบก่อนแจ้งจับ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีชุดปฏิบัติการพิเศษกระทรวงยุติธรรม นำโดย พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.อ.สมหมาย บุษบา หัวหน้าคณะทำงานเพื่อความมั่นคงกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 2 และคณะ เข้าตรวจสอบพื้นที่ปฏิรูปที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) บริเวณทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ถูกเจ้าหน้าที่รัฐบุกรุกนำไปออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบกว่า 130 ไร่ เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งนำเสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุด วันนี้ (7 พ.ค.) นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า การตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าใน เขต อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นการตรวจสอบโดยคณะทำงานจากส่วนกลางที่มีหน้าที่ตรวจสอบทั่วประเทศ ไม่ใช่การเริ่มตรวจสอบจากหน่วยงานในพื้นที่ และเมื่อมาตรวจพบการกระทำผิด ตนได้เน้นย้ำข้าราชการในพื้นที่ให้ยึดหลัก ดังนี้ 1.ต้องให้การสนับสนุนการตรวจสอบของส่วนกลางอย่างเต็มกำลังอย่าดึงเกมให้ล่าช้า และต้องให้ความร่วมมือทั้งเรื่องกำลังคน วัสดุ และอื่นๆ รวมถึงเอกสารหลักฐานอย่าทำให้ล่าช้า อย่าทำให้สังคมเคลือบแคลงใจ และ 2.อย่าไปเที่ยวให้ความเห็นในประเด็นที่ยังไม่มีข้อยุติ หรือยังตรวจสอบไม่แล้วเสร็จซึ่งอาจทำให้สังคมเข้าใจไขว้เขวไปได้ และนี่คือหลักการที่ทำอยู่
สำหรับกรณีที่ข้าราชการสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา (นางพรทวี สุตันติราษฏร์ นายช่างรังวัด ส.ป.ก.นครราชสีมา) ไปออกโฉนดที่ดินเกินกว่าเนื้อที่ ส.ค.1 ที่มีอยู่ จำนวน 30 ไร่ ขยายเป็นกว่า 155 ไร่ และบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ ส.ป.ก. จำนวนกว่า 130 ไร่ บริเวณทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในพื้นที่หมู่ 3 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา นั้น กรณีนี้เป็นการกระทำผิดหรือไม่ยังตอบไม่ได้ เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีความเป็นมาอย่างไร ซึ่งมันตรวจสอบได้อยู่แล้วไม่ต้องกังวล เจอเหตุเจอผล และที่มาของการออกโฉนดอย่างแน่นอน
หากพบการกระทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางวินัย และอาญา หากมีความผิดทางแพ่งต้องชดใช้ในทางแพ่งด้วย และเมื่อมีความผิดทางอาญามักจะมีทางวินัยพ่วงด้วยแสมอไป เช่น เป็นข้าราชการไปลักทรัพย์สินของผู้อื่น ก็มีความผิดอาญาฐานลักทรัพย์ และทางวินัย ก็ต้องลงโทษด้วยเช่นกัน
ส่วนกรณีการย้ายข้าราชการ ส.ป.ก.นครราชสีมา คนดังกล่าวไปช่วยราชการที่ส่วนกลางนั้น ยังไม่ถือเป็นการลงโทษทางวินัย แต่เป็นเพียงมาตรการทางการปกครองคือ เอาตัวออกนอกพื้นที่ เพื่อทำให้การตรวจสอบไม่ถูกขัดขวาง กีดกัน เมื่อตรวจสอบพบการกระทำความผิดก็จะมีทั้งความผิดทั้งทางอาญา และวินัย โดยทางวินัยนั้น มีตั้งแต่ไล่ออก ปลดออก ตัดเงินเดือน ภาคทัณฑ์ เป็นต้น
ต่อข้อถามที่ว่า ทาง ส.ป.ก.นครราชสีมา ยังไม่ยอมเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สภ.หมูสี ทั้งที่พาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูที่เกิดเหตุแล้ว อาจเป็นการดึงเกมช่วยเหลือกันเองของเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.หรือไม่ นั้น นายธงชัย กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าที่ดินของ ส.ป.ก. ได้มาจากการส่งมอบพื้นที่จากกรมป่าไม้ และมาจัดปฏิรูป เมื่อ ส.ป.ก.ไปจัดปฏิรูปก็ไปพบมีโฉนดที่ดิน ดังนั้น จึงต้องเป็นไปตามระเบียบคือ ให้เว้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ เช่น น.ส.3 ก., โฉนดที่ดินไว้ นำมาปฏิรูปไม่ได้ ต้องหักออกจากพื้นที่ที่กรมป่าไม้ส่งมอบ เพราะมีสิทธิที่เหนือกว่าตามประมวลกฎหมายที่ดินที่คุ้มครองอยู่
ฉะนั้นการที่ ส.ป.ก. จะไปร้องทุกข์กล่าวโทษได้ว่ามีการบุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก.นั้น จะต้องพิสูจน์ก่อนว่าเอกสารสิทธินั้นออกโดยไม่ชอบก่อน หากไม่ชอบที่ดิน ที่เป็นโฉนดก็จะกลับไปเป็นที่ ส.ป.ก. ซึ่งขณะนี้สถานะที่ดินยังเป็นโฉนดอยู่เลย จึงไม่รู้ว่าจะไปแจ้งความดำเนินคดีอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องกังวล หากเรื่องนี้มีการกระทำผิดหนีการตรวจสอบไม่พ้นแน่นอน เพราะเป็นแผ่นดินมันเห็นอยู่แล้ว ไม่เหมือนการเรียกรับเงิน 100 บาท เอาไปซื้อก๋วยเตี๋ยวกินแล้วก็หายไป และประวัติที่ดินมีความเป็นมาอยู่แล้ว ตรวจสอบได้หมด หากไม่แน่ใจก็อ่านแผนที่ทางอากาศได้อีก ดูได้หมด ปกปิดยาก และคนที่เข้าไปตรวจสอบก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องตรวจตามเนื้อผ้าอยู่แล้ว
ทางด้าน นายชำนาญ กลิ่นจันทร์ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีนายช่างรังวัด ส.ป.ก.นครราชสีมา นำเอกสารสิทธิ ส.ค.1 เนื้อที่จำนวน 30 ไร่ ไปออกโฉนดที่ดินเป็นจำนวนกว่า 155 ไร่ ซึ่งเป็นการบุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก. จำนวนกว่า 130 ไร่ และมีการสร้างบ้านพัก 3 หลัง ในบริเวณดังกล่าวว่า ภายในช่วงระยะ 1-2 วันนี้ ตนจะเข้าแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน สภ.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ให้ดำเนินคดีต่อผู้ที่ปลูกบ้านพัก 3 หลังในพื้นที่ดังกล่าว ในความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 การเข้าไปยึดถือครอบครองทรัพยากรในที่ดินของรัฐโดยที่ตนมิได้มีสิทธิครอบครอง และความผิดฐานบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้ร่วมกับกรมป่าไม้ เข้าแจ้งความดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทาง ส.ป.ก.นครราชสีมา กำลังรอผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ตั้งขึ้นมาสอบสวน นางพรทวี สุตันติราษฎร์ นายช่างรังวัด ส.ป.ก.นครราชสีมา ที่คาดว่าเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าว และได้ถูกคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กรุงเทพฯ รวมทั้งรอผลการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งหากหน่วยงานใดมีการชี้มูลว่า นางพรทวี มีความผิดจริงต้องแจ้งความดำเนินคดีตามความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริตเพิ่มเติมอีกด้วย