ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ส.ป.ก.โคราชขอย้ายตัวเองกลับ จ.อุดรธานี อ้างต้องการกลับบ้านอยู่กับครอบครัว ทั้งที่มารับตำแหน่งได้แค่เดือนเศษ ปัดไม่เกิดจากพิษปัญหานายทุน และนายช่างรังวัดลูกน้องฮุบที่ ส.ป.ก.ทางขึ้นอุทยานฯ เขาใหญ่ ด้านรอง ผชบ.ภ.3 จี้ ส.ป.ก.เหตุใดไม่แจ้งจับนายช่างรังวัดฮุบที่ ส.ป.ก.กว่า 130 ไร่ ทั้งที่นำ ตร.ไปตรวจจุดเกิดเหตุพร้อมออกสื่อ ระบุอีก 2-3 วัน จะทำหนังสือทวงถาม
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าหลังชุดปฏิบัติการพิเศษกระทรวงยุติธรรม นำโดย พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.อ.สมหมาย บุษบา หัวหน้าคณะทำงานเพื่อความมั่นคงกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 2 และคณะ ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กรณีเจ้าหน้าที่รัฐนำไปออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ กว่า 130 ไร่ และกรณีปัญหาการบุกรุกที่ ส.ป.ก. ลำราง และทางสาธารณประโยชน์ของโครงการบริษัท คีรีมายา จำกัด ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่นำเสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุด วันนี้ (2 พ.ค.) นายชำนาญ กลิ่นจันทน์ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ตนได้เข้าไปปรึกษากับเลขาธิการ ส.ป.ก. เพื่อขอย้ายกลับไปทำงานที่เดิม คือ จ.อุดรธานี เนื่องจากจะได้อยู่กับครอบครัว และไม่ต้องเดินทางไปกลับไกลระหว่างที่ทำงานกับบ้าน โดยขอสลับตำแหน่ง กับ นายเลิศศักดิ์ สุขสวัสดิ์ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดอุดรธานี ที่เคยดำรงตำแหน่งปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา มาก่อน ซึ่งเป็นการย้ายสลับกัน
ทั้งนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับปัญหาเรื่องการบุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก. ของกลุ่มนายทุน รวมถึงกรณีที่นายช่างรังวัด ส.ป.ก.นครราชสีมา นำ ส.ค. 1 เนื้อที่ 30 ไร่ ไปออกโฉนดที่ดินถึง 155 ไร่ และเป็นการออกโฉนดบุกรุกที่ ส.ป.ก. กว่า 130 ไร่ ในพื้นที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตามที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้แต่อย่างใด
นายชำนาญ กล่าวว่า เดิมทีความจริงแล้วตนต้องมารับตำแหน่งปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา ตั้งแต่เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากทั้งตน และนายเลิศศักดิ์ ต่างต้องเคลียร์งานให้จบและครอบครัวตนก็อยู่ที่ จ.อุดรธานี จึงตกลงกันว่าต่างคนก็ให้ทำงานต่อกันไป กระทั่งเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เมื่อทุกอย่างพร้อมตนจึงย้ายมารับตำแหน่งที่ จ.นครราชสีมา สลับกับ นายเลิศศักดิ์ ตามคำสั่งของเลขาธิการ ส.ป.ก.ให้ถูกต้อง และทำงานมาจนถึงทุกวันนี้รวมประมาณ 1 เดือนเศษ
อีกทั้งก่อนเดินทางมารับตำแหน่งปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา ตนได้ทำเรื่องไปยัง ส.ป.ก.ส่วนกลาง เพื่อขอปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ จ.อุดรธานีต่อ ด้วย และวันนี้เมื่อมีการเปลี่ยนเลขาธิการ ส.ป.ก.คนใหม่ ตนจึงได้เข้าไปปรึกษาหารือเรื่องเดิมที่เคยทำไว้เผื่อท่านจะเห็นใจให้ย้ายกลับไปอยู่กับครอบครัว ซึ่งคงขึ้นอยู่กับเลขาธิการ ส.ป.ก. ว่าจะอนุมัติหรือไม่
อย่างไรก็ตาม สำหรับตนเมื่อเป็นข้าราชการแล้วก็พร้อมที่จะทำงานได้ในทุกพื้นที่ แต่หากเลือกได้ก็อยากกลับไปอยู่กับครอบครัว และยืนยันว่า ไม่ได้อึดอัด หรือถูกกดดันจากใคร โดยเฉพาะปัญหาการบุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก.ของกลุ่มนายทุน และกรณีเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.นครราชสีมา เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด นายชำนาญ กล่าว
ทางด้าน พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (รอง ผบช.ภ.3) เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ ส.ป.ก.นครราชสีมา ยังไม่เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่บุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก. ด้วยการออกโฉนดที่ดินเกินเนื้อที่ ส.ค.1 ไปกว่า 130 ไร่ ในพื้นที่หมู่ 3 ใกล้ทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แต่อย่างใด ซึ่งจะรออีก 2-3 วัน หาก ส.ป.ก.ยังนิ่งเฉยตนจะทำหนังสือทวงถามว่า หลังพาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมออกข่าวทางสื่อมวลชน และพูดคุยกันอย่างชัดเจนแล้วว่า รายละเอียดเป็นอย่างไร แต่พอจะดำเนินคดีกลับไม่มาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน
ทั้งนี้ เรื่องนี้ตนเองก็ถูกผู้ใหญ่ทวงถามมาเช่นกันว่าเป็นอย่างไร ตนก็ตอบไปตามตรงว่ามันเป็นเช่นนี้ ฉะนั้นจึงต้องทำหนังสือทวงถามไปให้ทาง ส.ป.ก. ตอบมาว่า ตรงนั้นถูกต้องได้มาโดยชอบ ไม่ใช่การบุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก. ใช่หรือไม่ ตนจะบอกสื่อว่าตรงนี้เขาซื้อมาโดยชอบถูกต้องแล้ว เรื่องจะได้จบ และตำรวจไม่ใช่เจ้าพนักงานจะได้รู้ว่าตรงนั้นผิดหรือถูก หากตนชี้ที่ดินแปลงนี้ว่าผิด แต่ท่านบอกถูก ตนก็ไม่รู้หรอกว่าผิดหรือถูก เพราะท่านเป็นเจ้าของพื้นที่ และเป็นผู้ชำนาญเรื่องนั้น
ส่วนประเด็นของโครงการคีรีมายานั้น เจ้าของโครงการพยายามติดต่อมาทวงถามตลอดว่า หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องจะมีความชัดเจนเมื่อใด และขอให้ภาครัฐเร่งรัดดำเนินการด้วย เพื่อจะได้รู้ว่าผิดแค่ไหนอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจ โดยในวันที่เข้าตรวจสอบนั้น ทาง พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้มอบหมายให้ 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปสรุปมา พล.ต.ต.ธเนษฐ กล่าวในตอนท้าย
