ศูนย์ข่าวศรีราชา - เปิดใจชายชื่อ “ชาคร กัญจนวัตตะ” ผู้หวังนำพาอำเภอบางละมุงสู่ความสมานฉันท์ ชี้ 3 หลักการทำงานปกครองท้องถิ่นให้ประชาชน และสังคมไปด้วยกันได้ เผยชีวิตหลังเกษียณวางอนาคตกินอยู่ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง
นายชาคร กัญจนวัตตะ นายอำเภอบางละมุง เปิดเผยว่า ภาพรวมของอำเภอบางละมุงนั้นมีความหลากหลายในหลายๆ ด้าน ทั้งการท่องเที่ยว การบริการ การประมง การเกษตร การท่องเที่ยวที่มีทั้งทางธรรมชาติ และมนุษย์สร้างขึ้น ด้วยความหลากหลายเหล่านี้ทำให้อำเภอบางละมุง มีประชากรแฝงจำนวนมากเข้ามาหางาน และอยู่อาศัย ในปริมาณของประชากรแฝง รวมถึงปริมาณประชากรในพื้นที่ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากนี้ส่งผลให้การจัดการในด้านต่างๆ มีอุปสรรค เพราะคนต่างถิ่นมาแล้วก็ไป หากไม่มีการจัดการทรัพยากรด้านต่างๆ อย่างลงตัว และสมดุลแล้ว ปัญหาที่หมักหมมมานานก็จะยากที่จะเยียวยาแก้ไขอย่างเบ็ดเสร็จ
อำเภอบางละมุง ถือว่ามีความเข้มแข็ง เพราะในท้องถิ่นมีองค์กรทั้งส่วนภูมิภาค และส่วนกลาง รวมถึงพลังภาคเอกชน และประชาชนช่วยกันดูแลแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดในท้องถิ่นร่วมกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะภาคธุรกิจการท่องเที่ยวซึ่งถือได้ว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่จะช่วยสนับสนุน และส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มีความคึกคัก อันจะนำมาซึ่งเม็ดเงินท่องเที่ยวที่จะกระจายลงสู่ท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี ตรงจุดนี้ถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ให้ประชาชน และกระจายออกสู่สังคมและชุมชนทั่วเขตเมือง อันจะสร้างความเข้มแข็งให้ท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน เพราะหากเรื่องธุรกิจหรือเศรษฐกิจในท้องถิ่นดีแล้ว เรื่องอื่นๆ ก็จะมีการต่อยอดเติบโตตามไปด้วย
นายอำเภอบางละมุง กล่าวต่อในส่วนของการทำงานว่า ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการสร้างความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน และนักท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นในท้องถิ่นที่ได้รับผิดชอบในงานราชการการบริหารท้องถิ่นมาตลอดอายุราชการ เมืองพัทยา ก็เช่นกันเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาปีละหลายคน การทำงานสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องอันดับต้นๆ ที่ต้องทำ ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกได้ว่า เมื่อเดินทางมาแล้วได้รับการดูแลทั้งจากเจ้าของบ้าน คือ ประชาชน หรือคนในท้องถิ่น และจากเจ้าหน้าที่รัฐ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องเป็นกำลังสำคัญในการบูรณาการ่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างจริงจัง และเข้มข้น
เรื่องต่อมาคือ เรื่องของการสร้างความเป็นธรรมในเกิดขึ้นในสังคมบางละมุง ไม่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ไม่มีการโก่งราคา ผู้ประกอบการในพื้นที่ต้องให้ความสำคัญด้วยบริการและสินค้าที่มีคุณภาพให้เหมาะสมต่อเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เราถือว่าได้เปรียบเรื่องการท่องเที่ยว จึงควรให้ความสำคัญเหล่านี้ ทำให้นักท่องเที่ยวบอกกันปากต่อปาก เมื่อเป็นที่ประทับใจก็จะเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น เราต้องมีการปรับโครงสร้างทางสังคมให้เอื้อต่อระบบการท่องเที่ยวให้มากขึ้น อันจะสร้างรากฐานที่มั่นคงต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ด้วยเช่นกัน การสร้างความน่าเชื่อถือด้านการท่องเที่ยว ต้องมีความจริงใจในการทำงานทั้งในระบบธุรกิจ และระบบราชการ จะทำให้เรื่องดังกล่าวประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี
นายชาคร กล่าวด้วยว่าเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งในการทำงานที่ยึดมั่นมาโดยตลอดคือ เรื่องการสร้างความสมานฉันท์สามัคคีให้เกิดขึ้นในท้องถิ่นนั้น ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์อย่างหลากหลายมากมายมิติ ทำให้พื้นที่อำเภอบางละมุง เกิดวิกฤตในเรื่องความสมานฉันท์ มีการแบ่งพรรคแบ่ง พวกแบ่งสีแบ่งฝ่ายจนเกิดความขัดแย้ง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ พลังประชาชนที่จะร่วมมือกันพัฒนาประเทศชาติ การทำงานก็เป็นไปตามนโยบายของ คสช. คือ การสร้างความสุข สร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นแก่คนในชาติ สร้างความปรองดองให้เหนียวแน่นยิ่งขึ้น จุดเปราะบางอยู่สุดอยู่ที่ชุมชน หากกระทบกระทั่งก็จะแตกหักได้ง่าย หากชุมชนไม่เข้มแข็งสังคมก็จะอยู่ไม่ได้ ซึ่งทั้ง 3 เรื่องที่กล่าวมาข้างต้นจำเป็นอย่างยิ่งต้องได้รับความร่วมมือ และการมีส่วนร่วมของคนในท้องถิ่นทุกระดับ
“ความสามัคคีของคนในชุมชนเป็นสิ่งสำคัญ การสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นจะทำให้เกิดพลัง แล้วใช้พลังสร้างสรรค์ทำให้เกิดประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว”
ในส่วนของความหวังในการทำงานนั้นยังยึดตามหลักของการงานของข้าราชการคือ หวังที่จะช่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน คือ การทำงานให้ประชาชนมีความพอใจในหลักการทำงานของข้าราชการไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อจบรายหนึ่งแล้วก็จะมีรายใหม่เกิดขึ้น เราก็ช่วยเหลือเขาต่อเรื่อยๆ ทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีในท้องถิ่นที่อาศัย การสร้างสังคมนั้นๆ ให้เป็นสังคมอบอุ่น และน่าอยู่ ชาวบ้านอยู่ได้อย่างมีความสุข สังคมก็จะพัฒนาตัวเองให้ดีตามขึ้นไป การพัฒนาคุณภาพคนจึงต้องควบคู่กับการพัฒนาเมืองด้วยเช่นกัน จะมุ่งเน้นแต่พัฒนาด้านใดเพียงด้านเดียวไม่ได้ ต้องพัฒนาไปพร้อมๆ กัน
นายอำเภอบางละมุง ยังบอกถึงชีวิตราชสีห์ที่ทำงานปกครองท้องถิ่นมาอย่างยาวนานว่า ก่อนเดินทางมาดำรงตำแหน่งนายอำเภอบางละมุงนี้ ได้ดำรงตำแหน่งนายอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี และตำแหน่งนานอำเภอบางละมุง คงเป็นตำแหน่งสุดท้ายในชีวิตการรับราชการ เพราะในปี 2559 หรือปีหน้านี้ก็จะครบวาระเกษียณอายุราชการ หลังจากได้ทำงานช่วยเหลือประชาชนและสังคมมาอย่างยาวนาน
“หลังจากเกษียณแล้ว ได้วางแผนชีวิตในอนาคตเอาไว้ว่าจะใช้ชีวิตแบบสงบๆ อยู่ที่บ้านพัก ใช้ชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เชื่อว่าจะอยู่ได้อย่างสบาย เพราะชีวิตรับราชการมานานต้องร่อนเร่ไปตามคำสั่ง และนโยบายในระบบราชการหลากหลายจังหวัด อยากจะกลับไปอยู่บ้าน ชีวิตรับราชการมาโดยตลอดไม่มีความรู้เรื่องทำธุรกิจ ไม่มีเงินทุนมากมาย ต้องอาศัยเงินบำเหน็จบำนาญเลี้ยงดูตัวเองต่อไป”