กกต. มีมติแจกใบแดงพร้อมดำเนินคดีอาญา “มาโนช เสนพงศ์” นายก อบจ.นครศรีธรรมราช พร้อมให้ชดใช้ค่าเสียหาย “เทพไท” โดนอาญาด้วย ฐานจัดเลี้ยงอาหารผู้นำท้องถิ่น แถมใช้รถขยายเสียงป่าวประกาศ ปชป. ส่งคนเดียวทั้งที่ไม่มีมติ อีกด้าน สั่งให้ใบเหลือง นายก อบจ.เชียงราย และดำเนินคดีอาญา “ยุทธ ตู้เย็น” เช็กเรตติ้งให้พี่สาว
วันนี้ (10 มี.ค.) นายดุษฎี พรสุขสวัสดิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ได้แถลงมติที่ประชุม กกต. ว่า ที่ประชุม กกต. มีมติสั่งให้มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงรายใหม่ (ใบเหลือง) ที่ นางบุศริณธญ์ วรพัฒนานันท์ พี่สาวของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้รับเลือกตั้ง จากกรณี นายเสงี่ยม แสนพิช ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ร้องเรียนว่า กำนันในพื้นที่ได้ประสานเชิญผู้นำท้องถิ่นและฝ่ายปกครองในพื้นที่ มาประชุมกันใน 3 พื้นที่ ได้แก่ ต.แม่ข้าวต้ม ต.นางแล และ ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย โดยในการประชุมแต่ละพื้นที่เป็นคนละเวลา และมี นายวีระเดช สมวรรณ นายอำเภอเมืองเชียงราย เป็นประธานในที่ประชุม และหลังจากนั้น นายยงยุทธ ได้เข้ามาในที่ประชุมและมีการพูดหาเสียงให้แก่นางบุศริณธญ์ พร้อมสอบถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองถึงคะแนนนิยมของนางบุศริณธญ์ ว่ามีจำนวนเท่าใด ซึ่งการสอบถามของนายยงยุทธ มีลักษณะเหมือนเป็นการบังคับ ขืนใจให้บุคคลที่ถูกซักถาม เกิดความเกรงกลัว หรือรับผิดชอบต่อคำพูดตัวเอง กกต. จึงเห็นว่ามีความผิดโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่กระทำการใดๆ เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัคร จึงสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่และดำเนินคดีอาญาแก่นายยงยุทธและนายวีระเดช
นอกจากนี้ กกต. ยังมีมติเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) นายมาโนช เสนพงศ์ ผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ. นครศรีธรรมราช และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ รวมทั้งให้นายมาโนชชดใช้ค่าเสียหายในการจัดเลือกตั้งใหม่ และสั่งดำเนินคดีอาญา นายมาโนช และ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และนายปิยะวัฒน์ เกตุแก้ว ประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์เขตเลือกตั้งที่ 1 ในกรณีที่ นายพิชัย บุณยเกียรติ ผู้สมัคร นายก อบจ.นครศรีธรรมราช ที่ไม่ได้รับเลือกตั้ง ได้ร้องเรียนว่า นายมาโนช และ นายเทพไท ได้จัดเลี้ยงอาหารให้แก่ผู้นำท้องถิ่นจำนวน 100 คน เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2557 เพื่อจูงใจให้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่นายมาโนช
รวมทั้งยังมีความผิดฐานหลอกลวง บังคับขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้าย หรือจงใจให้เข้าใจผิดในเรื่องใดที่ของผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง จากกรณีที่ก่อนวันเลือกตั้ง นายมาโนช จัดให้มีรถหาเสียงเคลื่อนที่ ติดป้ายหาเสียงปรากฏชื่อและหมายเลขประจำตัวของนายมาโนชที่ใช้ลงสมัครเลือกตั้ง และกล่าวถ้อยคำตอนหนึ่งว่า “พรรคประชาธิปัตย์ได้มีการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ. มาแล้ว 2 จังหวัด คือ จ.สงขลา และ จ.สุราษฎร์ธานี ส่วนจังหวัดที่ 3 คือ จ.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่ง นายมาโนช เป็นผู้สมัครับเลือกตั้งแต่เพียงคนเดียว” ทั้งที่กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมีมติพรรคที่ให้ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ถือว่าเป็นการหลอกลวงหรือจูงใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งให้ลงคะแนนแก่นายมาโนช และในวันที่ 9 ก.พ. 2557 นายปิยะวัฒน์ กับพวกยังได้มีการแจกเงินให้กรรมการชุมชนเขต 4 ของเทศบาลนครนครศรีธรรมราชเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ทั้งสองคดีดังกล่าว กกต. ได้มีมติภายหลังจากรับรองผลการเลือกตั้งไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องส่งคดีไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค ได้พิจารณาต่อไป โดยคาดว่าจะส่งคำฟ้องได้ภายใน 30 วัน ส่วนกรณีสำนวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส. ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพวก กรณีเดินทางลงพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน โดยใช้ทรัพยากรของรัฐและเจ้าหน้าที่รัฐไปหาเสียงระหว่างที่มีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมานั้น ได้บรรจุวาระการประชุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของสำนักประชุม จะกำหนดเป็นวาระให้ กกต. พิจารณาในวันใด