ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ปฏิรูปที่ดินโคราชโบ้ยไม่แจ้งจับนายช่างรังวัดฮุบป่า 130 ไร่ อ้างที่ดินมีเอกสารสิทธิเป็นโฉนด โยนให้ที่ดินจังหวัดฯ ตรวจสอบก่อน หากได้มาโดยมิชอบต้องเพิกถอน ส.ป.ก.จึงจะดำเนินการเอาผิดต่อ ขณะที่นายช่างรังวัดถูกย้ายไปช่วยราชการ และตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีชุดปฏิบัติการพิเศษกระทรวงยุติธรรม นำโดย พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.อ.สมหมาย บุษบา หัวหน้าคณะทำงานเพื่อความมั่นคงกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 2 และคณะ ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตกรรม ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่เจ้าหน้าที่รัฐนำไปออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบนั้น
ล่าสุด ช่วงบ่ายวันนี้ (1 พ.ค.) นายชำนาญ กลิ่นจันทน์ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาบุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก. บริเวณใกล้ทางขึ้นเขาใหญ่ หมู่ 3 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ว่า ข้อมูลทั้งหมดเป็นการเปิดเผยของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) โดยระบุว่า นางพรทวี สุตันติราษฎร์ นายช่างรังวัด ส.ป.ก.นครราชสีมา ได้นำ ส.ค.1 เลขที่ 19 หมู่ 3 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งมีเนื้อที่ 30 ไร่ แต่นำมาออกเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดินเนื้อที่กว่า 155 ไร่ โดยออกในนามชื่อของสามีตนเอง และได้ออกโฉนดที่ดินรุกล้ำเข้าไปในที่ดิน ส.ป.ก.มากกว่า 130 ไร่ พร้อมมีการจัดสรรขายให้แก่ข้าราชการหลายคนราคาไร่ละกว่า 10 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ทางสำนักงานปฏิรูปดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ส่วนกลางได้สั่งย้าย นางพรทวี ไปช่วยราชการ และตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการเอาผิดทางวินัยแล้ว
ส่วนกรณีที่ ทางส.ป.ก.นครราชสีมา ไม่ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.หมูสี เพื่อดำเนินคดีต่อ นางพรทวี สุตันติราษฎร์ นายช่างรังวัด ส.ป.ก.นครราชสีมา นั้น เนื่องจากว่าพื้นที่ดังกล่าวมีเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดิน ซึ่งตอนนี้เชื่อไว้ก่อนว่าถูกต้อง ฉะนั้นเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมาที่จะต้องตรวจสอบที่ไปที่มาของเอกสารสิทธิว่าได้มาถูกต้องหรือไม่อย่างไร หากผลการตรวจสอบแล้วว่าได้มาโดยไม่ถูกต้องก็ต้องเพิกถอน จากนั้นถึงจะเป็นหน้าที่ ส.ป.ก.ที่จะเข้าไปดำเนินการแจ้งความเอาผิดต่อไป
“ฉะนั้นตอนนี้ต้องรอข้อมูลทั้งหมดก่อน รวมถึง ป.ป.ท.ที่จะดำเนินการเอาผิดข้าราชการ หากมีความผิดจริง ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำตามนั้น คงไม่ต้องไปเร่งรัด เพราะแต่ละหน่วยงานรู้หน้าที่ของตัวเองดีอยู่แล้ว” นายชำนาญ กล่าว