นครปฐม - กลุ่มมวลชนนครปฐม แห่สาปกรมศิลป์ หลังอธิบดีฯ มีคำสั่งย้ายโบราณวัตถุกว่า 1,800 ชิ้น จากพิพิธภัณฑแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ สู่พิพิธภัณฑแห่งชาติอู่ทอง สุพรรณบุรี ทั้งนายกเล็กนครนครปฐม ผู้ว่าฯ นครปฐม และอดีตนายก อบจ.ออกตัวค้านไม่ให้ย้ายชัดเจน สถานการณ์ในพื้นที่เริ่มเดือด ส่วนนักอนุรักษ์บอกให้ดูความเสียหายเนปาล สูญเสียเกินประเมินค่าได้
วันนี้ (1 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีการรวมตัวของข้าราชการระดับสูง นักการเมืองท้องถิ่น กลุ่มองค์กรอิสระ และประชาชนในจังหวัดนครปฐม ที่ร่วมประชุมหารือกันเมื่อบ่ายวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ในกรณีมีหนังสือราชการบันทึกข้อความ ส่วนราชการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ที่ วธ.041605/194 ลงวันที่ 17 เม.ย.58 เรื่อง การเคลื่อนย้ายและจัดแสดงโบราณศิลปวัตถุจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ ซึ่งตั้งอยู่ในองค์พระปฐมเจดีย์ ลงนามโดย นายพนมบุตร จันทรโชติ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง โดยมีโบราณศิลปวัตถุ จำนวน 1,873 ชิ้น ที่จะถูกเคลื่อนย้ายออกไป
โดยในหนังสือมีการระบุว่า เป็นบัญชาของ นายวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร และในรายละเอียดในบันทึกจากผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง ได้เสนอให้อธิบดีกรมศิลปากรไว้ 4 ข้อ คือ
1.ให้เคลื่อนย้ายโบราณศิลปวัตถุ จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ มาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง และมอบกลุ่มนิติการหรือฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการเรื่องการประกาศยกเลิกพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ต่อไป
2.จัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าเคลื่อนย้ายโบราณวัตถุ และการจัดแสดงนิทรรศการ จำนวน 2.5 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าเคลื่อนย้าย 5 แสนบาท ค่าจัดแสดง 2 ล้านบาท
3.มอบอำนาจให้ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในการขนย้าย และจัดแสดงตามข้อ 2 ทุกขั้นตอน
4.ตัดโอนอัตราข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว เงินกองทุน และอัตราจ้างเหมาบริการ จำนวน 8 อัตรา ยกเว้นพนักงานรักษาความปลอดภัย มาปฏิบัติหน้าที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง และยามรักษาการณ์ไว้ในอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ 3 อัตราต่อไป
โดยในวันนี้ นายเอกพันธุ์ คุปตวัช นายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครปฐม ได้ออกมาโพสต์ข้อความในกรณีดังกล่าวในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า จากที่มีข่าวเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์องค์พระปฐมเจดีย์ โดยความเห็นส่วนตัวของผมไม่เห็นด้วย “ผมคนนครปฐม...รักและหวงแหนสมบัติของชาวนครปฐม... ขอคัดค้านการย้ายโบราณสถานวัตถุ หรือพิพิธภัณฑ์ของเรา..มรดกของนครปฐมควรอยู่ที่นครปฐมครับ”
ขณะที่ นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้รับทราบเรื่องดังกล่าว และได้แสดงความไม่เห็นด้วยที่จะให้มีเคลื่อนย้ายวัตถุโบราณออกจากจังหวัดนครปฐม โดยขณะนี้ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดจากทุกฝ่ายเพื่อจะนำไปเรียนเสนอปรึกษาหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง น.ส.ภัทรา เชาว์ปรัชญากุล ภัณฑรักษ์ชำนาญการ ผู้ดูแลพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ ได้ให้ข้อมูลว่า ในการโยกย้ายโบราณศิลปวัตถุ เพิ่งได้มีหนังสือแจ้งมาไม่นาน โดยทางอธิบดีกรมศิลปากร เห็นว่ามีความไม่ปลอดภัยในสถานที่ ซึ่งทางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ ได้มีการว่าจ้างเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นรายเดือนเพื่อรักษาความปลอดภัย และมีกล้องวงจรปิดไว้ดูความปลอดภัย และยังคงเปิดให้บริการตามปกติ และมีผู้คนให้ความสนใจมากขึ้นที่จะเข้ามาชมวัตถุที่ทรงคุณค่าหลังมีกระแสข่าว
ทั้งนี้ วัตถุโบราณที่สำคัญที่จัดแสดงนั้นมีคุณค่าทั้งหมดทุกชิ้น โดยมีรูปปั้นพญากงองค์พระพุทธรูปจีน ที่มีอายุในทศวรรษที่ 11-12 ตั้งแสดงอยู่ด้วย โดยตอนนี้ยังไม่มีการสั่งการใดใดลงมาชัดเจนว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ซึ่งทางผู้ใต้บังคับบัญชาก็รอปฏิบัติตามคำสั่ง และขอเลี่ยงโดยการตัดสายไปก่อน
ขณะที่กลุ่มสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ได้นำเรื่องเข้าปรึกษาต่อนายกองโทพเยาว์ เนียะแก้ว อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ซึ่งได้ให้แนวทางในการดำเนินการหากไม่มีสถานที่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด ก็พร้อมจะจัดการสร้างอาคารสถานที่ให้ และเห็นควรเก็บสมบัติล้ำค่าไว้ในแผ่นดินของจังหวัดนครปฐมต่อไป โดยพร้อมจะอำนวยความสะดวก หลังฟังความคิดเห็นจากประชาชนจังหวัดที่มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ และเป็นกระแสสังคมในวงกว้าง
ด้าน นายไพบูลย์ พวงสำลี ประธานกลุ่มศรีทวารวดี นครปฐม กล่าวว่า ในขั้นต้นตนเองได้ทำเอกสารเพื่อชี้แจงให้ประชาชนในจังหวัดนครปฐมได้เข้าใจ โดยเฉพาะครั้งโบราณ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เสด็จมายังจังหวัดนครปฐม และบูรณะพระปฐมเจดีย์ และมีการจัดเก็บโบราณวัตถุตั้งแต่นั้นมา จากการค้นพบของชาวบ้าน และที่สำคัญ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงรวบรวมเก็บไว้ที่รอบระเบียงองค์พระปฐมเจดีย์ และต่อมา ได้นำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์
ดังนั้น สมบัติทั้งหมดจึงเป็นของคนนครปฐม สมควรปกปักรักษาไว้ให้ลูกหลาน และชนรุ่นต่อไปได้รักษา และศึกษา การดำเนินการจะเสร็จสิ้นในเดือนสิงหาคมนี้ โดยใช้เวลาเคลื่อนย้าย 7 วัน จึงต้องออกมาขอความเห็นจากคนนครปฐม ว่าจะมีความเห็นอย่างไรบ้าง เพราะวัตถุโบราณทุกชิ้นมีค่าไม่สามารถประเมินค่าได้ โดยเฉพาะในยุคอาณาจักรทวารวดี ที่มีอายุนับพันปี และยังมีข้อมูลที่ต้องศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์ของจังหวัดนครปฐม เพื่อเชื่อมโยงไปยังประวัติศาสตร์ในประเทศไทยอีกมาก
ทั้งนี้ อยากให้นึกถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาล ทำให้โบราณสถาน และวัตถุเสียหายครั้งใหญ่ ซึ่งทั่วโลกนอกจากจะแสดงความเป็นห่วงเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ยังมีการแสดงความเสียดายโบราณสถาน และวัตถุที่สำคัญ เป็นการแสดงออกถึงชาติพันธุ์ โดยอยากให้ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง และเป็นสมบัติของประชาชนทุกคนที่ต้องร่วมกันปกปักรักษาไว้ โดยถึงตอนนี้ยังไม่มีคำตอบจากอธิบดีกรมศิลปกร ออกมาแสดงความชัดเจนใดๆ ซึ่งคนนครปฐม ต้องการฟังเหตุผลในเรื่องนี้อยู่ หากช้าไปอาจจะมีการรวมพลังกันมากขึ้นเพราะอาจจะสับสนในข้อมูลได้
นอกจากนี้ ได้มีการตั้งคณะกรรมการในการขับเคลื่อนการคัดค้าน โดยมีตนเอง ร่วมกับอาจารย์ยุพิณ ดุษยามี คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม นายแพทย์คงเดช ลีเชาวลิต รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม นายแพทย์ชัชวาล ว่องวิวัฒไวทยะ ผศ.เด่นศิริ ทองนพคุณ จากกลุ่มเครือข่ายเรารักษ์แม่น้ำท่าจีน ร่วมกันทำงาน โดยมีคณะกรรมการประสานงานต่างๆ โดยกำลังอยู่ในการดำเนินการ และได้ใช้ชื่อว่า “กลุ่มรักปฐมนคร” เพื่อติดตามในเรื่องนี้เพื่อขอมติจากชาวนครปฐม ในการส่งรายชื่อผ่านไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และจะผ่านไปยัง คสช. เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบ และยับยั้งเรื่องนี้ด้วย
นายสมชาย รัตนอารี ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครู นครปฐม เปิดเผยว่า ตอนนี้ได้ประสานไปยังผู้อำนวยการสถานศึกษาต่างๆ เพื่อให้เกิดการทราบข้อมูลในเรื่องนี้แล้ว และประชาชนที่สนใจก็สามารถมาลงชื่อเพื่อคัดค้านการย้ายโบราณวัตถุที่สำคัญของจังหวัดนครปฐม ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครู นครปฐม ที่ ต.ลำพยา อ.เมืองนครปฐม และในวันที่ 2 พ.ค.นี้ จะเปิดให้มีการลงชื่อที่ห้องประชาสัมพันธ์ โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย จนถึงวันที่ 20 พ.ค.นี้ ก่อนจะมีการรวมพลังครั้งใหญ่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ และตอนนี้รายชื่อที่ลงนามคัดค้านเริ่มมีมากขึ้นและกำลังจะขยายไปทั้ง 7 อำเภอ ในจังหวัดนครปฐมแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกันได้มีเฟซบุ๊กของชาวอู่ทอง ชื่อเกาะติดสถานการณ์ อู่ทอง สุพรรณบุรี ได้นำเรื่องดังกล่าวไปโพสต์ และแสดงความคิดเห็นจากคนอู่ทองว่า ไม่อยากได้โบราณวัตถุจากจังหวัดนครปฐม เห็นว่าควรอยู่ในพื้นที่ และอาจจะนำมาซึ่งความขัดแย้งของคนนครปฐม และคนอู่ทองได้
ขณะที่ ดร.สมเกียรติ พิณทอง ประธานสภาวัฒนธรรม อำเภอสามพราน เตรียมขึ้นป้ายคัดค้านบริเวณบนถนนเพชรเกษม และในพื้นที่แล้ว ส่วนในเฟซบุ๊กข่าวสารนครปฐม มีกระแสการคัดค้าน และเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ในเฟซบุ๊กกันมากขึ้น คาดว่าไม่กี่วันป้ายการต่อต้านจะมีขึ้นทั่วเมืองนคปฐม และอาจจะมีการรวมตัวกันเร็วกว่ากำหนด