ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ที่ดินโคราชสั่งเพิกถอน น.ส. 3 ก. “โบนันซ่า” ฮุบป่าสงวนฯ เพิ่มอีก 1 แปลง ร่วม 20 ไร่ จากเดิม 5 แปลงกว่า 55 ไร่ เผยเป็นชื่อบุคคลอื่นคาดเช่าหรือยังไม่โอน พร้อมจ่อฟันเจ้าหน้าที่ที่ดินร่วมออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ 4 รายรวด ไม่เว้นแม้เกษียณอายุราชการไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีสนามแข่งขันรถอินเตอร์เนชั่นแนล โบนันซ่า สปีดเวย์ (International Bonanza Speed Way) อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ของ นายไพวงษ์ เตชะณรงค์ นักธุรกิจใหญ่และนักการเมืองชื่อดัง บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติเขาเสียดอ้า เขานกยูง และเขาอ่างหิน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สรุปผลการตรวจสอบ พบบุกรุกพื้นที่ของรัฐทั้งหมดรวม 166 ไร่ 2 งาน 40 ตารางวา แบ่งเป็นพื้นที่มีการออกเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก. ที่ทางโบนันซ่านำมาแสดงจำนวน 5 แปลง รวมเนื้อที่ 55 ไร่ 3 งาน 63 ตารางวา บุกรุกพื้นที่สวนป่า 35 ไร่ 2 งาน 38 ตารางวา พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 12 ไร่ 3 งาน 14 ตารางวา พื้นที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เนื้อที่ 57 ไร่ 1 งาน 42 ตารางวา และบุกรุกลำรางสาธารณะเนื้อที่ 4 ไร่ 43 ตารางวา ตามข่าวที่เสนอมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุดวันนี้ (23 เม.ย.) ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา นายมลศักดิ์ จงรักษ์ ที่ดินจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงการตรวจสอบเอกสารสิทธิที่ดินของสนามแข่งรถโบนันซ่า ว่า จากการตรวจสอบโดยละเอียดของเจ้าหน้าที่ที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาปากช่อง ล่าสุดพบว่ามีเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก. เพิ่มขึ้นมาอีก 1 แปลง จากเดิมที่ทางโบนันซ่านำเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก. มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ จำนวน 5 แปลง เนื้อที่รวมกว่า 55 ไร่
จากรายงานเบื้องต้นเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก. ที่เพิ่มขึ้นมาอีก 1 แปลงดังกล่าวไม่มีชื่อของ นายไพวงษ์ หรือ น.ส.พรรณี ลูกสาว แต่เป็นชื่อชาวบ้าน โดยอาจมีการเช่าหรืออาจยังไม่ทำการโอน ซึ่งทางสำนักงานที่ดินฯ สาขาปากช่อง รายงานข้อมูลการตรวจสอบขึ้นมาให้ตนในวันที่ 21 เม.ย. เบื้องต้นทราบว่าเนื้อที่ตามเอกสารสิทธิมีเกือบ 20 ไร่ จากนี้เจ้าหน้าที่ที่ดินจะต้องดำเนินการเพิกถอนตามขั้นตอนเดียวกับจำนวน 5 แปลงแรก ที่ได้ส่งเรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและกรมที่ดิน ตั้งคณะกรรมการพิจารณาเพิกถอนตามกฎหมายต่อไป
สำหรับการดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก.โดยมิชอบทั้ง 6 แปลงของสนามแข่งรถโบนันซ่านั้น พบว่ามีเจ้าหน้าที่ผู้ที่ร่วมกันออกเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก. สนามแข่งรถโบนันซ่า จำนวน 4 ราย ที่จะต้องถูกดำเนินการเอาผิดลงโทษทางวินัยตามระเบียบของทางราชการ แม้จะเกษียณอายุราชการไปแล้วก็ตาม ยกเว้นเสียชีวิตไปแล้วจึงจะถือว่าการลงโทษสิ้นสุด
นายมลศักดิ์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีของ คีรีมายา รีสอร์ท นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะได้ลงพื้นที่เพื่อให้เกิดความชัดเจน เบื้องต้นทราบจากข่าวเพียงว่ามีการบุกรุกลำรางสาธารณะ ลำคลอง ซึ่งคงต้องตรวจให้ชัดเจนก่อน และ ต้องตรวจร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ในพื้นที่ด้วย เนื่องจากมีหน้าที่ดูแลรักษาทาง ลำรางสาธารณะ และคงต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจ เพราะต้องมีการคำนวณตามหลักวิชาการ ซึ่งพื้นที่นี้ลักษณะคล้ายกันกับกรณีโครงการมูนแดนซ์ ที่มีที่ดินและบ้านพักของพิธีกรข่าวชื่อดังตั้งอยู่ แต่คงต้องสอบดูความชัดเจนถึงที่มาที่ไปว่าได้มาอย่างไร ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลการตรวจสอบของหน่วยงานรัฐหน่วยที่เกี่ยวข้องระบุว่า เจ้าหน้าที่ผู้ที่ร่วมกันออกเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก. สนามแข่งรถโบนันซ่า จำนวน 4 รายดังกล่าว ประกอบด้วย 1. นายบูลศักดิ์ ดีมาก 2. นายประสิทธิ์ เชียงคำ 3. นายนิรันดร์ เอียดตระกูล และ 4. นายวินัย นัครบัญฑิต