ศูนย์ข่าวนครราชสีมา– ตร.โคราชเร่งรวบรวมหลักฐานคดี “โบนันซ่า” รุกป่า เผยดำเนินการในรูปแบบบริษัท มีผู้ต้องหามากกว่า 1 คนแน่ ระบุรุมแจ้งจับแล้ว 3 หน่วยงาน พนักงานสอบสวนให้แต่ละหน่วยชี้แนวเขตบุกรุกให้ชัดเจนพร้อมประเมินค่าเสียหายเพื่อเอาผิดได้ถูกต้อง เผยกรณีที่ดินบ้านพักหรูเขาใหญ่ของผู้ประกาศข่าวดัง หากมีการแจ้งความดำเนินคดี ตร.พร้อมดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี สนามแข่งรถอินเตอร์เนชั่นแนล โบนันซ่า สปีดเวย์ (International Bonanza Speed Way) โครงการโบนันซ่า ของ นายไพวงษ์ เตชะณรงค์ นักการเมืองและนักธุรกิจรายใหญ่ ตั้งอยู่ หมู่ 11 บ้านโบนันซ่า ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า เขานกยูง เขาอ่างหิน และ เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กว่า 103 ไร่ นั้น
ล่าสุดวันนี้ (11 เม.ย. 58 ) พ.ต.อ.บุญเลิศ ว่องวัจนะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(รอง ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา หัวหน้าทีมสอบสวนคดีโบนันซ่าบุกรุกป่า เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานว่ามีใครที่เกี่ยวข้องบ้าง เพราะเขาดำเนินการในรูปบริษัทเราขอตรวจสอบก่อนว่า กรรมการผู้มีอำนาจมีใครบ้าง ซึ่งจากนั้นจะตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องอย่างไร ส่วนหน่วยราชการต่างๆ ที่ได้รับความเสียหายจากการบุกรุก ได้ทยอยเข้ามาแจ้งความแล้ว ทั้ง สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) , สวนป่า และ กรมป่าไม้ โดยหน่วยป้องกันรักษาป่าที่นครราชสีมา 1 ( ปากช่อง) แต่ทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริงเดียวกัน ฉะนั้นเราจึงนำใสรวมเป็นเรื่องการสอบสวนคดีเดียวกันหมด คือ คดีบุกรุกป่า
ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ไปพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานข้อมูลสำคัญและจะให้หน่วยงานที่ถูกบุกรุกทั้งหมดชี้แนวเขตของตัวเองที่ชัดเจนแล้วให้ประเมินมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นว่ารวมเป็นพื้นที่เท่าไหร่ คิดเป็นราคาเท่าไหร่ และพื้นที่ที่พิพาทอยู่ในส่วนของหน่วยใดบ้าง เพื่อเราจะได้ยืนยันสามารถดำเนินคดีได้ถูกต้อง และสรุปสำนวนคดีส่งอัยการเพื่อพิจารณาฟ้องศาลต่อไป
ขณะนี้มีการจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ เพียง 1 คน เท่านั้นและกำลังตรวจสอบอยู่ว่าการดำเนินการสนามแข่งรถเป็นรูปแบบบริษัท ฉะนั้นจะต้องมีผู้ต้องหามากกว่าหนึ่งคนอยู่แล้วแต่จะเป็นใครนั้นขอตรวจก่อน
ส่วนในกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ในพื้นที่ใกล้เคียงกับโครงการโบนันซ่าเขาใหญ่ มีผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ได้ครอบครองที่ดินจำนวนหลายไร่และสร้างบ้านพักต่างอากาศหรูหลังใหญ่ นั้น พ.ต.อ.บุญเลิศ ตอบว่า กรณีนั้นตนไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของแต่ละหน่วยงานที่จะดูว่า นอกจากที่โบนันซ่าแล้วมีที่ไหนที่บุกรุกป่าอีก ทางตำรวจก็รอว่าหากใครมาแจ้งความอะไรก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายไป ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมานั้น ตนคิดว่าเป็นเรื่องของข่าวซึ่งตนยังไม่ทราบข้อเท็จจริง ฉะนั้นในเรื่องการตรวจสอบต้องเป็นอำนาจของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ในส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปชี้ว่าอันนี้ถูกหรือไม่ถูกอย่างไร นั้นทำไม่ได้