ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “รอง ผบช.ภ.3” เผยตำรวจออกหมายเรียก “ภูผา” ลูกชาย “ไพวงษ์” และผู้บริหาร “โบนันซ่า” เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีรุกป่าสงวนฯ วันนี้ เตรียมแจ้ง 5 ข้อหาหนัก ขณะเจ้าตัวแสดงความจำนงจะมาพบพนักงานสอบสวนแล้ว เผยคดีเหลือเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยเพื่อแจ้งข้อหานิติบุคคล พร้อมเร่งตรวจสอบ น.ส. 3 ก. งอกอีก 1 แปลง ก่อนสรุปสำนวนคดีส่งอัยการกลางเดือน พ.ค.นี้ ยันหลักฐานแน่นใช้เครื่องมือมาตรฐานสูงระดับสากลมัดดิ้นไม่หลุด
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีสนามแข่งขันรถอินเตอร์เนชั่นแนล โบนันซ่า สปีดเวย์ (International Bonanza Speed Way) อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ของนายไพวงษ์ เตชะณรงค์ นักธุรกิจใหญ่และนักการเมืองชื่อดัง บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติเขาเสียดอ้า เขานกยูง และเขาอ่างหิน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สรุปผลการตรวจสอบ พบบุกรุกพื้นที่ของรัฐทั้งหมดรวม 166 ไร่ 2 งาน 40 ตารางวา แบ่งเป็นพื้นที่มีการออกเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก. ที่ทางโบนันซ่านำมาแสดงจำนวน 5 แปลง รวมเนื้อที่ 55 ไร่ 3 งาน 63 ตารางวา บุกรุกพื้นที่สวนป่า 35 ไร่ 2 งาน 38 ตารางวา พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 12 ไร่ 3 งาน 14 ตารางวา พื้นที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เนื้อที่ 57 ไร่ 1 งาน 42 ตารางวา และบุกรุกลำรางสาธารณะเนื้อที่ 4 ไร่ 43 ตารางวา ตามข่าวที่เสนอมาอย่างต่อเนื่องนั้น
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (23 เม.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (รอง ผบช.ภ.3) ซึ่งได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ท.พิสัณฑ์ จุลดิลก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) ให้กำกับดูแลคดีบุกรุกป่าของโบนันซ่า เปิดเผยว่า วันนี้ได้นำข้อสรุปการดำเนินคดีรายงานแก่ พล.ต.ท.พิสัณฑ์ จุลดิลก ผบช.ภ.3 เรียบร้อยแล้ว โดยพนักงานสอบสวนมีมติออกมาร่วมกันจากการรวบรวมพยานหลักฐานว่าทางหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ป่าไม้ สวนป่า ส.ป.ก. และ อบต. ได้ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาแล้ว ทั้ง 4 ส่วนเป็นผู้เสียหายทั้งหมด
โดยได้สรุปพื้นที่เสียหายที่ถูกบุกรุกรวมทั้งสิ้นกว่า 108-109 ไร่ ซึ่งตัวเลขนี้อาจยังคลาดเคลื่อนเล็กน้อย แยกเป็นพื้นที่บุกรุกป่าไม้ 5 แปลง ส่วนป่า 8 แปลง ส.ป.ก. 1 แปลง และมีทางสาธารณะและลำรางสาธารณะอีกประมาณ 4 ไร่ จากพื้นที่ที่สนามแข่งรถโบนันซ่าใช้ประโยชน์รวม 166-2-40.6 ไร่
สำหรับในส่วนพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก. แสดงความเป็นเจ้าของจำนวน 6 แปลงรวม 56-3-2.9 ไร่นั้นจะไม่นำมารวมในคดีดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องของหน่วยงานที่ดินที่จะดำเนินการเพิกถอนหากเห็นว่าได้มาโดยไม่ถูกต้อง
พล.ต.ต.ธเนษฐกล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางการสอบสวนนั้น ในวันนี้ (23 เม.ย. 58) ทาง สภ.ปากช่องจะออกหมายเรียก นายภูผา เตชะณรงค์ ลูกชาย นายไพวงษ์ เตชะณรงค์, นายปรีชากร ปราบสงบ และ นายนิธิษเชษฐ์ สุทธิเจริญกุล กรรมการของ บริษัทโบนันซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล สปีดเวย์ จำกัด เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหาภายใน 7 วัน หากออกหมายเรียก 2 ครั้งไม่มาพบก็จะขอศาลออกหมายจับต่อไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เตรียมแจ้งกล่าวหา 7 ข้อหา ประกอบด้วยข้อหา 1. พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ฐานร่วมกันก่นสร้างแผ้วถางหรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่
2. พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ฐานร่วมกันยึดถือครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาไม้ ทำไม้ เก็บหาของป่าหรือกระทำด้วยประการใด อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่
3. ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ฐานร่วมกันเข้าไปยึดถือ ครอบครองการก่นสร้างหรือเผาป่า ทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หินที่กรวดหรือที่ทรายในบริเวณรัฐมนตรีประกาศหวงห้ามในราชกิจจานุเบกษา ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในดิน
4. ก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และ 5. ร่วมกันรุกล้ำลำรางและทางสาธารณะมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497
ทั้งนี้ สำหรับกรณี นายนิธิษเชษฐ์ นั้น ได้แจ้งข้อกล่าวหาไปก่อนหน้านี้แล้ว 3 ข้อหา จึงจะต้องแจ้งเพิ่มอีก 2 ข้อหา
“เบื้องต้นทราบว่า ทางกรรมการของบริษัทโบนันซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล สปีดเวย์ จำกัด ทั้ง 3 คนได้แสดงความจำนงที่จะมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก และพร้อมแสดงความบริสุทธ์ซึ่งเป็นสิทธิ์ของเขา” พล.ต.ต.ธเนษฐกล่าว
พล.ต.ต.ธเนษฐกล่าวอีกว่า ขณะนี้เอกสารประกอบสำนวนคดีในส่วนของภาครัฐมาครบแล้ว เหลือเอกสารภาคเอกชนบางเรื่องที่จะนำมาประกอบเพื่อดำเนินคดีต่อนิติบุคคล คือ บริษัทโบนันซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล สปีดเวย์ จำกัด รวมทั้งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก. แปลงที่ 6 ที่เพิ่มขึ้นมาว่าเป็นของใคร ซึ่งได้ประสานกับสำนักงานที่ดินแล้ว เนื่องจาก นางวรรณี ผู้ดูแลสนามแข่งรถโบนันซ่า ชี้แจงว่าไม่ใช่ของโบนันซ่า ถือเป็นโจทก์ใหม่ที่จะต้องดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม การดำเนินคดีนี้ถือว่ารวดเร็วมาก ไม่มีอะไรน่าหนักใจ และการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานก็ละเอียดรัดกุม เพราะได้มีการนำอุปกรณ์เครื่องมือที่ได้มาตรฐานสากลมาจับพิกัดจากอุปกรณ์ STATIC ไม่ได้ใช้เครื่องจับพิกัดจีพีเอสทั่วไป เพราะหลักฐานนี้จะสามารถนำไปเป็นหลักฐานยืนยันในชั้นศาลได้อย่างหนักแน่น ทั้งนี้คาดว่าจะสรุปสำนวนคดีส่งอัยการพิจารณาส่งฟ้องศาลได้ไม่เกินกลางเดือน พ.ค.นี้แน่นอน