ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตำรวจนัด 3 ผู้บริหาร “โบนันซ่า” เข้ารับทราบข้อกล่าวหารุกป่าสงวนฯ 29 เม.ย.นี้ที่ สภ.ปากช่อง เผยรอข้อมูลจากภาคเอกชนให้ชัดเจนเพื่อเอาผิดเพิ่มบริษัทเอกชนรายอื่นรวมทั้งธนาคารปล่อยกู้ผู้ร่วมรับผลประโยชน์จากสนามแข่งรถ ระบุคดีนี้มีผู้ต้องหาเพิ่มอีกแน่ พร้อมเรียกเจ้าของ น.ส. 3 ก. 6 แปลงสอบหาความกระจ่างว่าได้ประโยชน์ร่วมกันหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีสนามแข่งขันรถ โบนันซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล สปีดเวย์ (Bonanza International Speed Way) อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติเขาเสียดอ้า เขานกยูง และเขาอ่างหิน รวมพื้นที่ใช้ประโยชน์ทั้งหมด 166 ไร่ 2 งาน 40 ตารางวา ซึ่งล่าสุดวานนี้ (23 เม.ย.) พนักงานสอบสวน สภ.ปากช่อง เจ้าของคดีได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ให้ผู้บริหารบริษัท โบนันซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล สปีดเวย์ จำกัด เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหานั้น
ล่าสุดวันนี้ (24 เม.ย.) พ.ต.อ.บัญญัติ ทั่งกลาง พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้นัดหมายให้ผู้บริหารบริษัท โบนันซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล สปีดเวย์ จำกัด เจ้าของสนามแข่งขันรถ โบนันซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล สปีดเวย์ ประกอบด้วย นายภูผา เตชะณรงค์ ลูกชายนายไพวงษ์ เตชะณรงค์, นายปรีชากร ปราบสงบ และ นายนิธิษเชษฐ์ สุทธิเจริญกุล มารับทราบ 5 ข้อกล่าวหาในวันที่ 29 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น. ที่ สภ.ปากช่อง ตามหมายเรียกครั้งที่ 1 ซึ่งคาดว่าผู้บริหารทั้ง 3 จะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามที่นัดหมายไว้
ส่วนแนวทางการสอบสวนคดีนั้น ขณะนี้เอกสารหลักฐานต่างๆ จากหน่วยงานของรัฐที่เป็นผู้เสียหายได้มาครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงเอกสารจากภาคเอกชนเพื่อสอบสวนว่าใครได้ประโยชน์จากการใช้พื้นที่สนามแข่งรถบ้าง เช่น บริษัทรับทำประชาสัมพันธ์ บริษัทจัดการแข่งขัน ธนาคาร ที่ให้กู้เงินมาลงทุนต้องสอบสวนทั้งหมดเพื่อให้ได้ความชัดเจน เบื้องต้นพบว่าบริษัทโบนันซ่าไม่ได้ดำเนินการใช้พื้นที่เพียงรายเดียว แต่มีบริษัทเอกชนรายอื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้องรับผลประโยชน์ด้วย แต่จะเป็นบริษัทใดนั้นกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากมีการยืนยันชัดเจนก็จะมีการแจ้งดำเนินคดีเพิ่มเติม ทั้งตัวบริษัทโบนันซ่า ในนามนิติบุคคล และบริษัทเอกชนอื่นที่เข้ามาร่วมรับผลประโยชน์จากการใช้สนามแข่งรถดังกล่าวเป็นผู้ต้องหาเพิ่ม จากเดิมที่แจ้งเฉพาะผู้บริหารทั้ง 3 รายข้างต้น
พ.ต.อ.บัญญัติกล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะต้องมีการเรียกเจ้าของเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก. ทั้ง 6 แปลงของสนามแข่งรถโบนันซ่าเข้ามาสอบปากคำด้วย หากพบว่าได้ประโยชน์จากสนามแข่งรถดังกล่าวด้วยก็จะต้องแจ้งข้อหาเพื่อดำเนินคดีด้วยเช่นกัน คาดว่ารายละเอียดทั้งหมดนี้จะได้ความชัดเจนในอีก 15 วัน
ทั้งนี้ การสอบสวนจะลงลึกไปด้วยว่ารายได้ที่เกิดจากสนามแข่งรถนำใช้แปลงสภาพเป็นอะไร เช่น บ้าน รถยนต์ หรืออื่นๆ หากเข้าข่ายก็จะต้องใช้กฎหมายฟอกเงินเข้ามาดำเนินการ ซึ่งจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มอีกต่อไป
“คดีนี้เดินหน้ามาอย่างต่อเนื่อง หากผู้บริหารบริษัทโบนันซ่าเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามที่นัดหมายจะมีการพิมพ์ลายนิ้วมือและส่งตรวจที่ส่วนกลางใช้เวลาประมาณ 25-30 วันอย่างเร็วที่สุด ฉะนั้นจึงคาดว่าภายในเดือน พ.ค.นี้จะสามารถสรุปสำนวนการสอบสวนส่งอัยการพิจารณาฟ้องศาลต่อไป” พ.ต.อ.บัญญัติกล่าว
