กาญจนบุรี - รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า นำ ขรก.หนุ่ม สพม.มือโพสต์ด่า-แช่ง เข้าขอขมาตำรวจท่าม่วง พร้อมเข้าพบพนักงานสอบสวนรับทราบข้อกล่าวหา 2 กระทง “หมิ่นประมาท-ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน” เจ้าตัวเผยทำลงไปเหตุรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ส่วนรองเลขาฯ ชี้เป็นเรื่องส่วนตัว ยันไม่เกี่ยวกับสถาบันฯ
จากกรณีเพจเฟซบุ๊กของข้าราชการสำนักงานสภาพัฒนาการเมือง (สพม.) สถาบันพระปกเกล้า ได้โพสต์ภาพ และข้อความกล่าวโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี โดยระบุว่า นาย... (ข้าราชการสำนักงานสภาพัฒนาการเมือง สถาบันพระปกเกล้า กรุงเทพฯ) ถูกตำรวจยศนายสิบ จ.กาญจบุรี จับข้อหาขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่มีใบขับขี่ และไม่เสียภาษีตาม พ.ร.บ. ถูกปรับจำนวน 200 บาท จึงกล่าวสาปแช่ง “ขอให้เกิดอุบัติภัยแก่ครอบครัวของมัน และขอเทวดาทุกชั้นภูมิจงเป็นพยาน ตำรวจบ้านนอกเสือกทำตัวต่ำเหมือนดินอีก ชาตินี้วาสนาจะมีปัญญาเป็นนายร้อยหรือเปล่า พูดก็พูดนะพวกนี้เปรียบอะไรกับพวกเราไม่ได้เลย เรานั่งรถหรูไปออกงาน แต่พวกมันเป็นคนโบกรถ 555 ไอ้ต้อยต่ำเอ๊ย หน้าตาตัวดำๆ หนังหน้าเหี้ยๆ ไม่เหมือนคน เหมือนหีหมา ขึ้นชื่อว่าตำรวจก็บ่งบอกถึงสถานะอัปลักษณ์ทุเรศ ขยะแขยง ไม่สำเหนียกตัวเอง”
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (21 เม.ย.) นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า พร้อมคณะเจ้าหน้าที่สถาบันพระปกเกล้า ได้เดินทางไปที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัตการ (ศปก.) สภ.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี พร้อมทั้งนำตัว นายนันทยุทธ ตันสาโรจน์ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ทั่วไป สังกัดสำนักคณะกรรมการบริหาร กองทุนพัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า คนโพสต์เฟซบุ๊กด่า-แช่งตำรวจ นำพานธูปเทียนแพ พร้อมพวงมาลัยดอกมะลิมาขอขมา ส.ต.อ.ยืนยง พรมพิมาร ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ท่าม่วง
โดยมี พ.ต.อ.ชินภัทร ตันศรีสกุล รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ชวลิต สุขสุวรรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.อนันต์สิทธิ์ พร้อมสันติชน ผกก.สภ.ท่าม่วง พ.ต.อ.พิพัฒน์ รุ่งสัมพันธ์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.ท่าม่วง ร.ต.ท.เสกสรร รัมมะอรรถ พนักงานสอบสวน สภ.ท่าม่วง ร้อยเวรเจ้าของคดี รวมทั้งเจ้าหน้าที่นายตำรวจ สภ.ท่าม่วง ร่วมเป็นสักขีพยาน มีสื่อมวลชนร่วมทำข่าวเป็นจำนวนมาก
นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เปิดเผยว่า สำหรับ นายนันทยุทธ มีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ทั่วไปที่ยังไม่ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ คือ เป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราวนั่นเอง ซึ่งการทำดังกล่าวของ นายนันทยุทธ ครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว โดยสถาบันพระปกเกล้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ซึ่งเราได้ว่ากล่าวตักเตือนไปแล้ว พร้อมทั้งได้มีคำสั่งสำนักสภาพัฒนาการเมือง ที่ 15/25858 ให้ลงโทษภาคฑัณฑ์ไปแล้ว ซึ่งตามระเบียบของสถาบันพระปกเกล้าว่าด้วยระเบียบวินัยและการรักษาวินัย พ.ศ.2554 ข้อ 3 (8 ) และ (10) ระเบียบวินัยดังกล่าวกำหนดเอาไว้ว่า ลูกจ้างต้องไม่ประพฤติในทางซึ่งอาจทำให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ของตน และพนักงานลูกจ้างต้องสุภาพเรียบร้อยต่อประชาชน ไม่ดูหมิ่นเหยียดหยามบุคคลใดๆ
การกระทำดังกล่าวของ นายนันทยุทธ ถือเป็นการฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมบุคลากรของสำนักงานสภาพัฒนาการเมือง สถาบันพระปกเกล้า ข้อ 9 (2) ด้วยเหตุที่ นายนันทยุทธ ตันสาโรจน์ ได้สำนึกถึงการกระทำที่เป็นความผิดของตนแล้ว โดยให้การยอมรับสารภาพอันเป็นประโยชน์ต่อการสอบสวน และเป็นความผิดครั้งแรก จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ.2551 และข้อ 3.5 ของคำสั่งสำนักงานสภาพัฒนาการเมืองที่ 10/2558 มอบอำนาจ และมอบหมายให้ตนลงคำสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ นายนันทยุทธ ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา
ด้าน พ.ต.อ.ชินภัทร ตันศรีสกุล รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี กล่าวว่า ภาพรวมการกระทำของนายนันทยุทธ ถือว่าทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะ ส.ต.อ.ยืนยง พรมพิมาร ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ท่าม่วง ที่ถูกพาดพิงในเฟซบุ๊กโดยตรง ซึ่งการที่สถาบันพระแกเกล้านำตัวนายนันทยุทธ มอขอขมา ส.ต.อ.ยืนยง ตนมองว่าก็เป็นเรื่องที่ดี และควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะตำรวจเองก็มีศักดิ์ศรีเท่ากันทุกคน ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ตำรวจชั้นประทวนก็ตาม ส่วนการขอขมาจะไม่เกี่ยวข้องกับคดีที่ผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้
สำหรับข้อหาหมิ่นประมาท อาจจะไกล่เกลี่ยกันได้ ส่วนข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่ ข้อหานี้ไม่สามารถยอมความกันได้ แต่หลังจากที่ นายนันทยุทธ เดินทางมาขอขมาแล้ว พนักงานสอบสวนจะได้นำตัว นายนัทยุทธ ไปสอบปากคำ และแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ และพนักงานสอบสวนจะได้ปล่อยตัวไปชั่วคราว เพราะนายนันทยุทธ ถือว่าเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเอง โดยที่ยังไม่ได้ออกหมายจับ
ส่วน ส.ต.อ.ยืนยง พรมพิมาร ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ท่าม่วง กล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งด่านตามปกติ มีเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ประมาณ 5-6 นาย เมื่อนายนันทยุธท ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาตนก็ได้เรียกเพื่อขอดูใบขับขี่ รวมทั้งเอกสารของรถรถจักรยานยนต์ ปรากฏว่านายนันทยุทธ ไม่มีใบขับขี่รถจักรยานยนต์ อีกทั้ง พ.ร.บ.รถจักรยานยนต์ก็หมดอายุ ตนจึงเขียนใบสั่งให้ นายนัทยุทธ ไปเสียค่าปรับที่ สภ.ท่าม่วง
ขณะนั้น นายนันทยุทธ ได้ชี้ให้ตนดูรถจักรยานยนต์คันอื่นที่วิ่งผ่านไปมาพร้อมกับพูดว่าทำไมจับรถตนคนเดียว คันอื่นไม่จับ ซึ่งตนก็ได้อธิบายว่ากำลังเรามีน้อยไม่สามารถจับรถได้ทุกคัน ซึ่งก็ไม่ได้มีการโต้เถียงแต่อย่างใด จนกระทั่ง นายนันทยุทธ มาโพสต์เฟซบุ๊กด่า และสาปแช่งตนให้เสียหาย หลังจากที่แม่ของตนทราบข่าวจึงรู้สึกไม่สบายใจ ถึงแม้นายนันทยุทธ จะยอมมาขอโทษ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้ทุกฝ่ายรู้สึกสบายใจ ส่วนเรื่องคดีก็ขอให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน
ด้านนายนันทยุทธ ตันสาโรจน์ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ทั่วไป สังกัดสำนักคณะกรรมการบริหาร กองทุนพัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า คนโพสต์เฟซบุ๊ก ด่า-แช่ง ส.ต.อ.ยืนยง พรมพิมาร ได้เดินทางเข้ามาที่ห้องประชุมในภายหลังด้วยการแต่งกายสวมเสื้อสูตรสีดำแขนยาว พร้อมถือพานธูปเทียนแพ พร้อมพวงมาลัยดอกมะลิ ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
พร้อมกับให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพียงสั้นๆ ว่า “ผมได้สำนึกผิดที่ได้กระทำลงไปตั้งแต่วันแรกแล้ว ผมต้องขอขอบคุณผู้หลักผู้ใหญ่ทางกองทุนพัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า ที่ให้ความช่วยเหลือ และเมตตาผม วันนี้ผมสำนึกผิดแล้ว ผู้หลักผู้ใหญ่ก็ได้พาผมมาขอขมาพี่ๆ ตำรวจทุกๆ ท่านทั่วประเทศ ที่ผมทำไปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ สำหรับคดีผมพร้อมที่จะยอมรับเช่นกัน ขอบคุณครับ”