พิษณุโลก - จับเข่าคุย นอภ.เมืองสองแคว 1 ใน 4 ข้าราชการพลเรือนดีเด่นที่พาเหรดเข้ารับรางวัล “ครุฑทองคำ” นำทีม จนท.ฝ่ายปกครองตะลุยจับยาเสพติด ขยายผลจากรายย่อยไม่กี่เม็ดทลายเครือข่ายค้ายานรกในเรือนจำ
วันนี้ (3 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในแวดวงข้าราชการของจังหวัดพิษณุโลกต่างชื่นชมยินดีกับข้าราชการพลเรือนดีเด่นเจ้าของรางวัล “ครุฑทองคำ” ที่ปีนี้มีข้าราชการจากพิษณุโลกเข้ารับรางวัลจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมาถึง 4 คน คือ
กลุ่มที่ 1 ตำแหน่งประเภทอำนวยการระดับสูง หรือประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญ คือ นายภาสกร บุญญลักษม์ นายอำเภอเมือง
กลุ่มที่ 2 ตำแหน่งประเภทอำนวยการ ระดับต้นและประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการ ระดับชำนาญการพิเศษ ประเภททั่วไป ระดับอาวุโส คือ ว่าที่ พ.ต.ท.หาญศักดิ์ ม่านตา สารวัตรกองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก และนางเจริญ ยอดเพชร ครูวิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษโรงเรียนอนุบาลพิษณุโลก
กลุ่มที่ 3 ตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการ ตำแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงาน/ระดับชำนาญงาน คือ นางสาวธัญญลักษณ์ แพรแจ่ม พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ โรงพยาบาลพุทธชินราช ซึ่งคณะกรรมการพิจาณาตามหลัก “ครองตน ครองคน ครองงาน”
โดยกรณีของนายภาสกร บุญญลักษม์ นายอำเภอเมือง ถือว่าเป็นนายอำเภอหนุ่ม อายุเพียง 48 ปี เกิดเมื่อ 11 ตุลาคม 2510 ภูมิลำเนากรุงเทพมหานคร ใช้ประสบการณ์จับกุมพ่อค้ายาเสพติดต่อเนื่อง เช่น การนำเจ้าหน้าที่ล่อซื้อยาบ้าเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 57 และขยายผลจับกุมเครือข่ายยานรกล็อตนี้จากยาบ้าและยาไอซ์ไม่กี่เม็ด จนรวบแก๊งค้ายานรกบนรถตู้โดยสารกรุงเทพฯ-พิษณุโลก มูลค่าสูงถึง 1.5 ล้านบาท ยาไอซ์กว่าครึ่งกิโลกรัม
แม้ปริมาณยาบ้าและไอซ์จำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับจังหวัดชายแดนทางภาคเหนือ แต่การขยายผลแต่ละครั้งกลับทำให้สืบทราบว่าต้นสายขบวนการค้ายานรกออกมาจาก “เรือนจำ”
จนเป็นที่มาของฝ่ายปกครองบุกค้นเรือนจำชนิดไม่ทันตั้งตัว ค้นเจอโทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ 58 เครื่อง หลังจากครั้งก่อนๆ ไม่เจอของกลาง โดยพบไอโฟน 5 จำนวน 5 เครื่อง ซัมซุงโน้ต 3 จำนวน 2 เครื่อง ถือว่ามีราคาในคุกแพงมาก นอกจากนี้ยังพบยาไอซ์ และอุปกรณ์เสพ สมุดบัญชีธนาคาร สมุดรายชื่อการยืมเงิน บัตรเอทีเอ็ม อุปกรณ์การเล่นพนันไพ่ อาวุธมีดและอุปกรณ์ต่างๆ กว่า 500 ชิ้น
นายภาสกรเปิดเผยว่า ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.) และศูนย์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดพิษณุโลก มีภารกิจครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน คือ ป้องกัน ปราบปราบ บำบัด และติดตามผู้ผ่านการบำบัด การปราบปราบยาเสพติดนั้น ถือว่าเป็นที่ประจักษ์
โดยสามารถจับกุมผู้ค้ายาเสพติดไม่ว่ารายเล็ก รายใหญ่ สถิติการปราบปรามตลอดปี 2557 จำนวน 97 คดี ผู้ต้องหา 157 คน ของกลางยาบ้า 106,013 เม็ด ยาไอซ์ 710 กรัม เงินสด 501,800 บาท โทรศัพท์มือถือ 133 เครื่อง รถจักยานยนต์ 54 คัน รถยนต์ 10 คัน ปืน 16 กระบอก และกระสุนปืน 414 นัด
“ขยายผลทุกคดีแล้วนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดเป็นทอดๆ ทุกครั้ง ทราบว่าคนคุกในเรือนจำเกี่ยวข้องด้วย”
จุดเด่นของการปราบปรามยาเสพติดของฝ่ายปกครอง คือ การขยายผล ไม่สนใจว่าปริมาณยาเสพติดมากน้อย แต่เมื่อจับมาได้แล้วจะต้องขยายผลไม่น้อยกว่า 3-4 ครั้ง
นายภาสกรบอกว่า ฝ่ายปกครองทำงานเป็นขั้นตอน ไม่ใช่จับแล้วส่งคดี และนอกจากจับแล้วยังมีคดีการให้สินบนเจ้าหน้าที่อีกด้วย ครั้งนั้นเป็นญาติผู้ต้องหาพยายามเสนอจะให้สินบนเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมถึง 5 แสนบาท แต่ตนได้สั่งการซ้อนแผนจับ แล้วตั้งข้อหาให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่เพิ่ม ส่งฟ้องและถูกดำเนินคดีในที่สุด
อย่างไรก็ตาม รางวัล “ครุฑทองคำ” ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่ทำให้เกิดประโยชน์แก่สังคม ซึ่งฝ่ายปกครองทำคือ ส่งเสริมและกำหนดนโยบายป้องกันยาเสพติด เช่น เปิดโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประสานพลังแผ่นดิน 5 รุ่น จำนวน 1,800 คน เพิ่มโครงการศักยภาพกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จำนวน 2 รุ่น จำนวน 600 คน ฝึกอบรมอาสารักษาดินแดนสำรองร่วมเป็นกำลังปราบปรามยาเสพติดจนสามารถจัดชุดปฏิบัติการ บูรณาการกำลังร่วมกับทหาร ตำรวจ เข้าปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้านเป้าหมาย 1,338 ราย
ปี 2557 มีผู้เสพเข้ารับการบำบัดรักษารวม 208 คนจากเป้าหมาย 159 คน ฝ่ายปกครองยังติดตามผู้ที่บำบัดรักษาอีก 1,089 คน สามารถฟื้นฟูจนพัฒนาคุณภาพชีวิต ไม่ให้ตกเป็นทาสของอบายมุขอีกต่อไป
เมื่อถามว่ามีอะไรดีติดตัวทำให้ใจถึง มุ่งงานปราบปรามยาเสพติด นายอำเภอเมืองพิษณุโลกบอกว่า ตนขอทำงานอย่างจริงใจเพื่อถวายแผ่นดินพ่อหลวง ส่วนตัวนั้นตนมีความศรัทธาพระ “หลวงปู่คำพันธุ์” พระเกจิชื่อดังภาคอีสาน จึงคล้องคอมาตั้งแต่สมัยทำงานที่ จ.นครพนม ส่วนอาวุธคู่กายนั้นเป็น ปืนโคลท์ ดีเฟนเดอร์ ขนาด 11 มิลลิเมตร ถือว่าเป็นปืนที่ถนัด และใช้งานคล่องตัว ไว้ใจได้