ชัยนาท - รอง ผกก.สส.สภ.เมืองชัยนาท เตือนชาวโซเชียลเลิกแชร์ภาพเด็กชาย และส่งต่อข้อความที่ระบุว่า ถูกแม่พามาทิ้งหน้าสวนนกชัยนาท เนื่องจากไม่เป็นความจริง เด็กแค่พลัดหลงกับแม่ตอนมาเที่ยว และรับกลับบ้านไปแล้ว คนโพสต์-แชร์ทำให้แม่เด็กเสียหาย เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
จากกรณีเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ภาพเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 5 ขวบ กำลังนั่งร้องไห้อยู่บริเวณหน้าสวนนกชัยนาท อ.เมือง จ.ชัยนาท และมีข้อความระบุว่า “น้องชื่อธันวา แม่ชื่อหน่อย แม่พานั่งรถสีแดงแล้วให้ลงที่สวนนกชัยนาทแล้วแม่ก้อไม่มาอีกเลยใครรู้ช่วยน้องด้วย น่าสงสารที่ชัยนาทนะ ช่วยกันแชร์ (ถ้าเจอแม่เด็กฝากตบมันสัก 10 ที)” ซึ่งโพสต์ดังกล่าวได้ถูกแชร์ภาพ และส่งต่อกันไปในโลกโซเชียล มีมากกว่า 35,000 ครั้ง มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นในลักษณะสงสารเด็ก และต่อว่าแม่เด็กอย่างรุนแรงที่ทิ้งลูกตัวเอง
หลังจากที่ภาพเด็กชายดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไปในโลกโซเชียล ตลอดทั้งวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งเวลา 20.19 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท ได้นำภาพเด็กชายที่ส่งต่อกันในโซเชียล มาโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ที่ใช้ชื่อว่า Suttipong Juljarern พร้อมกับชี้แจ้งข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว โดยมีข้อความระบุว่า “จากที่มีการเผยแพร่เรื่องเด็กโดนทิ้งที่หน้าสวนนกนั้น ความจริงเป็นดังนี้ครับ เป็นเด็กชายอายุประมาณ 4 ขวบ มารดาอายุ 35 ปี พลัดหลงที่สวนนกชัยนาท ประมาณ 12.00 น. เป็นคนพิษณุโลก ไปนั่งร้องไห้แถวร้านส้มหน้าสวนนก เจ้าของร้านโทร.บอกตำรวจ ตำรวจไปรับมาที่ สภ.เมืองชัยนาท หลังจากนั้น มารดาก็มารับประมาณ 13.00 น. โดยมารดาเด็กรีบกลับพิษณุโลก และทาง สภ.เมือง ไม่ได้ลงบันทึกประจำวันไว้”
อย่างไรก็ตาม แม้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท จะได้มีการชี้แจงข้อเท็จจริงผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวแล้วก็ตาม ปรากฏว่า ผ่านไป 1 สัปดาห์ ก็ยังคงมีการแชร์ภาพ และส่งต่อข้อความว่าเด็กถูกแม่นำมาทิ้งผ่านโลกโซเชียลทั้งเฟซบุ๊ก และไลน์กันอย่างต่อเนื่อง
ด้าน พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ ขุราษี รอง ผกก.สส.สภ.เมืองชัยนาท กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นเป็นเพียงเด็กหายพลัดหลงกับมารดาระหว่างมาท่องเที่ยวที่สวนนกชัยนาท ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน เมื่อตำรวจได้รับแจ้งว่ามีเด็กนั่งร้องไห้อยู่หน้าสวนนก ได้เข้าไปตรวจสอบ และให้ประชาสัมพันธ์ของสวนนกชัยนาท ประกาศตามหาแม่เด็ก จากนั้นแม่เด็กก็มารับตัวเด็ก และพากันเดินทางกลับบ้าน ไม่ได้เป็นการทอดทิ้งลูกแต่อย่างใด เพราะไม่มีมารดาที่ไหนจะทอดทิ้งลูกที่เลี้ยงดูกันมาหลายปีจนโตขนาดนี้ได้
ในกรณีที่มีผู้นำภาพเด็กไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก และเขียนข้อความว่าแม่เด็กทอดทิ้งลูก เป็นการทำให้แม่เด็กเสียหาย ถูกมองว่าเป็นคนไม่ดี จึงขอให้ผู้ใช้สื่อโซเชียลเลิกโพสต์ เลิกแชร์ หรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว แม้จะเป็นเรื่องของความเข้าใจผิดก็ตาม
“เพราะเรามี พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 วางกำหนดโทษไว้ในการแชร์เรื่องต่างๆ เป็นความผิดทางอาญา หากผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ ผู้ที่โพสต์ แชร์ หรือแสดงความคิดเห็นที่ทำให้เกิดความเสียหายจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย” พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ กล่าว
