แม้จะเจาะจงไปที่ "ไกด์ไม่ดี" แต่กรณีคลิป อ.เฉลิมชัย กลับสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่ววงการวิชาชีพมัคคุเทศก์หรือไกด์ไทย นำไปสู่การตั้งคำถามถึงบทบาท หน้าที่ และจรรยาบรรณไกด์รุ่นใหม่ จนไกด์รุ่นใหญ่อย่าง "ทิพากร จันทร์แถม" ต้องออกมาเปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงวิธีการทำงานแบบหมดเปลือก หวังปรับทัศนคติด้านลบที่สังคมส่วนใหญ่มีต่อไกด์ พร้อมส่งต่อความรู้ ความเข้าใจถึงข้อเท็จจริงที่ใครหลายคนอาจยังไม่รู้
อาชีพไกด์ในสายตา "อ.เฉลิมชัย"
"...ผมเคยได้ยินไกด์อธิบายผิดๆ เยอะมากจนผมต้องอธิบายให้ฝรั่งฟังแทน และด่าไกด์ขอให้อ่านกันบ้าง ถามผมก็ได้ผมยินดีที่จะช่วย เพื่อความถูกต้องของข้อมูล ความหมาย ความคิดต่างๆ...
อีกเรื่องที่มีปัญหามากที่สุดก็คือ ไกด์ส่วนใหญ่ไม่ตามลูกทัวร์เข้าไปชมในเขตวัด ซึ่งผมได้ขอร้องออกกระจายเสียงด้วยตนเองบ่อยๆ และมีฝ่ายประชาสัมพันธ์ของวัดก็ออกกระจายเสียง เชิญชวนไกด์ให้ติดตามลูกทัวร์เข้าไปในวัดทุกวัน ที่ให้ติดตามก็เพราะอยากจะให้ไกด์ช่วยกันดูแลลูกทัวร์ ในเขตที่ห้าม ระเบียบต่างๆ ของการเข้าชม
...ผมอดทนมานานมาก พยายามขอร้องพูดกันเป็นระยะๆ แบบพี่ๆ น้องๆ หลายคนก็ดีขึ้น เข้าใจ แต่ส่วนหนึ่งก็ยังคงไม่ทำตามที่ผมและทางวัดขอร้อง และยังไม่เคยศึกษาสิ่งใดๆ เพื่ออธิบายให้แก่คณะทัวร์อย่างถูกต้อง มีฝรั่งหลายคณะขอพบผมเพื่อถามคำถามมากมายที่เขาสนใจอยากจะรู้ ทั้งๆ ที่เขามากับไกด์ แต่ไกด์ไม่มีความรู้ที่จะตอบคำถามพวกเขา..."
เป็นข้อความตอนหนึ่งในจดหมายชี้แจงของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ผู้รังสรรค์ผลงานวัดร่องขุ่น จ.เชียงราย หลังเกิดคลิปเดือด จวกไกด์จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์สนั่นโลกออนไลน์ แม้เรื่องนี้จะทุเลาเบาบางลงแล้ว แต่แง่หนึ่งก็ปลุกให้คนในแวดวงวิชาชีพไกด์ตื่นขึ้นมาเรียกร้องศักดิ์ศรีความเป็นไกด์ของตัวเอง เพราะส่งผลกระทบต่ออาชีพไกด์ในวงกว้าง
เปิด "วิถีไกด์" เรื่องจริงที่สังคมต้องรู้
หนึ่งในนั้นคือ ทิพากร จันทร์แถม ผู้คว่ำหวอดในวิชาชีพไกด์มานานกว่า 30 ปี เขาเปิดใจเล่าวิถีการทำงานของไกด์ให้ทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ฟังอย่างหมดเปลือก เพื่อปรับทัศนคติด้านลบที่สังคมส่วนใหญ่มีต่อไกด์ และส่งต่อความรู้ ความเข้าใจถึงข้อเท็จจริงที่ใครหลายคนอาจยังไม่รู้
"การที่สังคมมองไกด์ว่าไม่มีคุณภาพ ไกด์เลว ไกด์หลอกแขก ไกด์ทิ้งแขก ทิ้งลูกทัวร์ ผมว่ามีน้อยมาก แต่ผมถามก่อนว่า ไกด์ทิ้งแขกจริงไหม ซึ่งผมจะไม่ใช่คำว่าทิ้งแขก แต่จะใช้คำว่า ปล่อยแขก คือปล่อยให้แขกเดินเองบ้าง ซึ่งตามหลักแล้ว ก่อนจะถึงสถานที่ใดๆ ไกด์จะต้องอธิบายข้อมูล ประวัติความเป็นมา จุดน่าสนใจภายในสถานที่นั้นๆ ตลอดจนเขตหวงห้าม การปฏิบัติตัวให้ลูกทัวร์ฟังอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการปล่อยลูกทัวร์ ถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก ผมเองก็ปล่อย เพราะผมได้ให้ข้อมูลไปหมดแล้ว" ไกด์อาชีพเล่า ก่อนจะยกตัวอย่างให้ฟังตามมา
"อย่างบางที่ เช่น ในโบสถ์วัดร่องขุ่น เขาห้ามอธิบาย เพราะเป็นการรบกวนคนอื่นเวลาชมภาพ อีกอย่างพื่นที่ในโบสถ์มีจำกัดทำให้การอธิบาย หรือพากย์ทำได้ยาก ดังนั้นการปล่อยให้ลูกทัวร์เดินเอง ถ่ายรูปกันตามอัธยาศัยเป็นวิถีปกติอยู่แล้ว ยกเว้นแต่เพียงบางแห่งซึ่งปล่อยไม่ได้จริงๆ เช่น พระราชวังบางประอิน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใหญ่ ผมทิ้งลูกทัวร์ไม่ได้ แล้วผมเชื่อมั่นว่าไกด์ทุกคนจะต้องพาลูกทัวร์เดินไปด้วยกัน ไม่มีไกด์สักคนที่ปล่อยลูกทัวร์ ตรงนี้ผมรับประกันได้เลย ถ้าเกิดปล่อยให้ลูกทัวร์เดินกันเอง หลงแน่นอนครับ
หรือที่วัดพระแก้ว มีนักท่องเที่ยววันละประมาณ 10,000 คน ด้วยความหนาแน่นของนักท่องเที่ยว โอกาสที่ลูกทัวร์จะหลงย่อมมีได้สูง เพราะฉะนั้น ก่อนจะพาลูกทัวร์เดินเข้าข้างใน โดยเฉพาะกลุ่มใหญ่ 30 คน ผมจะบอกลูกทัวร์ก่อนเลยว่า โอกาสหลงมีมากนะ ถ้าเดินไปด้วยกัน เราต้องไม่ทิ้งกัน แต่ถ้าหลงก็ไม่ต้องตกใจ เพราะทางออกมีทางเดียว มาเจอกันที่ประตูทางเข้า นี่คือการทำงานของไกด์ในวัดพระแก้ว
แต่ถ้าเป็นวัดโพธิ์ ไฮไลต์ของวัดแห่งนี้คือพระนอน ในวิหารพระนอนเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างเล็ก ถ้าเป็นกลุ่มย่อย 4-5 คน ผมก็จะพาเดินเข้าไป แต่ถ้าเป็นกลุ่มใหญ่ 30 คน ผมจะปล่อยแขกให้เข้าไปเอง แต่ก่อนจะปล่อยให้เข้าไปทุกครั้ง ผมจะให้ข้อมูลลูกทัวร์ไว้แล้ว นี่คือวิธีการทำงานของไกด์ ซึ่งเป็นเช่นนี้จริงๆ ไม่ได้แกล้งแต่งเรื่องให้ฟังดูดี หรือเป็นคำแก้ตัวให้มัคคุเทศก์ทั้งหลาย"
ไกด์เถื่อน VS ไกด์ผี
เมื่อถามถึงไกด์เถื่อน ไกด์ผี ไกด์มืออาชีพท่านนี้ บอกว่า มีความแตกต่างกัน
"ไกด์ต้องเป็นคนไทย และมีบัตรอนุญาต ถ้าไกด์ที่ไม่มีบัตรอนุญาตแล้วออกไปปฏิบัติหน้าที่จะถูกจับทันที ส่วนไกด์ที่ได้ชื่อว่าเป็นไกด์เถื่อน กลุ่มนี้จะพยายามทำตัวเป็นไกด์ แต่ไม่มีบัตร แต่ไกด์ผี พวกเขาไม่ใช่ไกด์ แต่เป็นกลุ่มคนที่คอยจับแขกเพื่อหาผลประโยชน์
อย่างที่ท่าช้าง ถ้ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินขึ้นจากเรือแล้วกำลังข้ามถนนไปวัดพระแก้ว จะมีกลุ่มสามล้อคอยจับแขกให้นั่งรถเที่ยวชมเมือง โดยอ้างว่า วัดพระแก้วปิด นั่งรถเที่ยวก่อนแล้วค่อยกลับมาก็ได้ อย่างนี้เขาเรียกว่าไกด์ผี ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มหนึ่งที่ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศไทยเสื่อมเสีย" เขาขยายความ ก่อนจะเล่าให้ฟังต่อไป
"ไกด์เถื่อน ไกด์ผี มันมีนะ ส่วนไกด์เลวๆ ก็มี แต่มันมีน้อย ผมไม่ไปแก้ตัวแทนไกด์ทั่วประเทศนะ แต่ถ้าไกด์มันเลวขนาดนั้น วงการทัวร์เราจะรุ่งเรืองได้อย่างไร พูดกันตรงๆ เลยว่า ทัวร์บ้านเราเป็นที่เชิดหน้าชูตานะ และไกด์ก็เป็นส่วนสำคัญ ทำให้ฝรั่งนึกถึงประเทศไทยไปในทางที่ดี ถ้าไกด์ไม่เก่ง ฝรั่งก็คงไม่พึ่งเราหรอก"
ไกด์รุ่นใหญ่ ฝากถึงไกด์รุ่นน้อง
ดังนั้น การเป็นมัคคุเทศก์หรือไกด์ในแบบของ 'ทิพากร' เขาในฐานะมืออาชีพ บอกว่า ไม่มีสูตรตายตัว เพียงแต่รับงานมาก็ต้องทำให้สำเร็จตั้งแต่รับแขกจากสนามบินจนถึงวันที่ส่งแขกที่สนามบิน
"หน้าที่ไกด์ไม่ใช่แค่ให้ข้อมูล พาเที่ยว แต่ต้องครอบคลุมทุกมิติ บางทริปต้องระวังไม่ให้ลูกทัวร์ตีกันด้วยซ้ำ อย่างตอนเป็นไกด์ใหม่ๆ ก็ขี้เกียจ อย่าง 3 วัดไป 2 วัด หลอกแขกบ้างอะไรบ้าง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ดี สิ่งที่เปลี่ยนผมก็คือ คำถามตอนเข้าอบอรม มีคนถามว่าการที่ฝรั่งซื้อทัวร์มา แล้วเราขายทัวร์ฝรั่ง เราขายอะไร แล้วฝรั่งซื้ออะไร คำตอบที่ผมได้รับก็คือ เราเอาความฝันไปขายฝรั่ง ส่วนฝรั่งเป็นคนซื้อความฝันเรา ดังนั้น ไกด์คือคนที่ทำความฝันให้เป็นความจริง แค่นั้นเอง
ส่วนอื่นๆ ก็แค่องค์ประกอบพื้นฐาน เช่น ผ่านการอบรมความรู้ตามหลักสูตรที่ราชการกำหนด สามารพูด อ่านเขียน ภาษาไทย และภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี และรักในอาชีพบริการ เพราะมัคคุเทศก์ต้องทำหน้าที่ให้ข้อมูล และดูแลช่วยเหลือทุกปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางแก่นักท่องเที่ยว โดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ว่านักท่องเที่ยวจเป็นคนหนุ่มสาว คนชรา คนไทย หรือคนต่างประเทศ" ไกด์อาชีพทิ้งท้าย
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live
ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754