ลำปาง - เกาะติดทหารเปิดเวทีให้ความรู้เรื่องโรงไฟฟ้าขยะลำปางครั้งแรก พบชาวบ้านในพื้นที่เป้าหมายตั้งโรงไฟฟ้าฯ แต่งดำเข้าร่วมทุกคน แสดงสัญลักษณ์คัดค้านเต็มที่ พร้อมเปิดให้ตัวแทนหน่วยงานรัฐ บริษัทเอกชนยกแม่น้ำทั้งห้ากล่อมเต็มที่ ก่อนส่งตัวแทนหนึ่งเดียวเดี่ยวไมโครโฟนโต้กลับเสร็จเดินกลับบ้านทันที ปล่อย ปธ.ปิดเวทีกับเก้าอี้เปล่าๆ
วันนี้ (26 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจัดเวทีให้ความรู้เรื่อง โรงไฟฟ้าพลังไอน้ำจากเศษของเหลือใช้ (ขยะ) ขนาด 6.5 เมกะวัตต์ ที่บริษัท วีพีเอ็น แอนไซมีสทริค จำกัด มีโครงการก่อสร้างขึ้นในพื้นที่บ้านป่าเหียง ม.1 ต.บ่อแฮ้ว อ.เมืองลำปาง ซึ่งเริ่มเปิดเวที ณ หอประชุมโรงเรียนบ้านป่าเหียง ตั้งแต่ 20.00 น. คืนที่ผ่านมา ท่ามกลางชาวบ้านป่าเหียงที่สวมใส่ชุดดำ และชาวบ้านโดยรอบกว่า 3 พันคน
โดยมี พ.อ.ชัยณรงค์ แกล้วกล้า รอง ผบ.มทบ.32 ได้เป็นประธานเปิด พร้อมด้วยนายอำเภอเมืองลำปาง, พลังงานจังหวัดฯ, อุตสาหกรรมจังหวัดฯ, ผู้นำชุมชน และตัวแทนของบริษัทฯ ต่างสลับสับเปลี่ยนนำข้อมูล ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนโยบายของหน่วยงาน ที่คำนึงถึงผลประโยชน์และผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นสำคัญ
โดยเฉพาะพลังงานจังหวัดลำปางได้เน้นย้ำ และให้ข้อมูลเรื่องพลังงานขาดแคลน และจำเป็นต้องหาพลังงานทดแทนขึ้นมาเพื่อสำรอง ขณะที่ตัวแทนหน่วยงานรัฐอื่นๆ ก็ยังคงเน้นย้ำเรื่องปัญหาขยะที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวรวมถึงการนำสิ่งที่เป็นปัญหาเหล่านั้นมาแปรสภาพให้เกิดประโยชน์คือนำมาทำเป็นพลังงานไฟฟ้า
ขณะที่ตัวแทนบริษัทฯ ได้นำวิดีทัศน์ ซึ่งเป็นรายการของทีวีช่องหนึ่งที่ไปถ่ายทำขบวนการกำจัดขยะของโรงเผาขยะในจังหวัดภูเก็ตมานำเสนอ พร้อมให้วิศวกรของโรงงานชี้แจงกระบวนการดำเนินงานของโรงงานว่าจะนำเฉพาะขยะแห้งที่ผ่านการคัดแยกจากบ่อขยะของ อบจ.ซึ่งเป็นบ่อกำจัดขยะขนาดใหญ่ ซึ่งจะเปิดดำเนินงานในอีก 4-5 เดือนที่จะถึงนี้มาใช้ในการเผาเท่านั้น และจะไม่นำขยะจากต่างจังหวัดเข้ามาแน่นอน
ทั้งนี้ ตัวแทนบริษัทฯ ยอมรับว่า กระบวนการเผาจะเกิดสารพิษต่างๆ ขึ้น แต่ก็จะเกิดขึ้นในเตาเผาขยะเท่านั้น ซึ่งเตาเผาดังกล่าวทางโรงงานจะนำเข้าจากต่างประเทศ เป็นเตาเผาชนิดที่ดีที่สุดและเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก ดังนั้นจึงจะไม่มีปัญหาด้านมลพิษ
ทั้งนี้ ตัวแทนภาครัฐ เอกชน ผู้นำชุมชนต่างใช้เวลาพูดและชี้แจงชาวบ้านเกือบ 3 ชั่วโมง ตลอดการชี้แจงชาวบ้านต่างพากันโห่ร้องเป็นระยะด้วยความไม่พอใจ ทำให้ทางประธานฯ ต้องปราม และขอให้เปิดใจรับฟังข้อมูลเพื่อจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ และย้ำว่าการเปิดเวทีวันนี้เป็นเพียงขั้นตอนแรกในการให้ข้อมูล ไม่ใช่การทำประชาพิจารณ์
ส่วนสาเหตุที่ทหารเข้ามาดำเนินการจัดเวทีในวครั้งนี้ เนื่องจากหน่วยงานอื่นๆ ไม่สามารถจัดได้และไม่มีใครยอมจัดเพราะเกรงความวุ่นวาย ดังนั้นทหารจึงเห็นว่าหากไม่เข้ามาดำเนินการก็อาจจะเกิดความไม่สงบได้
หลังจากที่ตัวแทนทุกหน่วยงานพูดจบก็เปิดโอกาสให้ชาวบ้านพูด และซักถาม ซึ่งชาวบ้านได้ให้นายสวาท เปี้ยปลูก อายุ 68 ปี อดีต ผอ.ลำปางพาณิชย์ สาขาเวียงชัย เป็นตัวแทนพูดเพียงคนเดียว ซึ่งใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงในการแนะนำตัวเองว่าเป็นชาวบ้านป่าเหียง เกิดที่นี่ และจะตายที่นี่
นายสวาทได้ชี้แจงข้อมูลของหมู่บ้าน ผลกระทบ และพูดหักล้างข้อมูลของหน่วยงานที่ให้ก่อนหน้านั้น ทั้งเหตุผลที่จังหวัดอื่นๆ ต้องสร้างโรงเผาขยะล้วนมาจากปัญหาเรื่องขยะล้นเมือง แต่ลำปางไม่มีปัญหา และแนะนำให้ไปสร้างโรงเผาขยะในบ่อขยะของ อบจ. ซึ่งกำลังจะเปิดใช้งานในอีก 4-5 เดือนที่จะถึงนี้แทน
นายสวาทระบุว่า การที่ชาวบ้านป่าเหียงได้แต่งชุดดำเข้าร่วมรับฟังการชี้แจงในครั้งนี้ ก็เพื่อคัดค้านสถานที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าเตาเผาขยะ ซึ่งห่างจากชุมชนเพียง 300 เมตร ใกล้แหล่งน้ำ และระยะอันใกล้กรมชลประทานกำลังอยู่ระหว่างกฤษฎีกาเวนคืนที่เพื่อทำคลองส่งน้ำชลประทานพาดผ่านพื้นที่ดังกล่าวอีก ซึ่งจะทำให้พื้นที่บ้านป่าเหียงกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง แต่หากมีการมาตั้งโรงไฟฟ้าขยะทุกอย่างก็จะล่มสลาย ถูกทำลายไปหมด
“หากต้องการพลังงานไฟฟ้าจังหวัดลำปางมี กฟผ.ที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้อยู่แล้ว ปัจจุบันยังส่งจำหน่ายไปยังภาคอื่นๆ ด้วย ดังนั้นจังหวัดลำปางจึงไม่จำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก ชาวบ้านไม่ได้ต่อต้านและสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการตั้งโรงไฟฟ้าขยะ แต่ขอให้ไปสร้างที่อื่น และหากเป็นไปได้ขอให้สร้างในบ่อขยะของ อบจ.ซึ่งก็รับกำจัดขยะอยู่แล้ว โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขนถ่ายอีกและไม่เกิดผลกระทบด้านอื่นๆ ด้วย”
โดยระหว่างที่นายสวาทเป็นตัวแทนขึ้นพูดนั้น ชาวบ้านต่างพากันโห่ร้องและปรบมืออย่างกึกก้องตลอดเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง และทันทีที่พูดจบชาวบ้านต่างพากันเดินออกจากศาลาอเนกประสงค์โรงเรียนบ้านป่าเหียงโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของประธานฯ ที่ขอให้รอฟังการสรุปก่อน จนในที่สุดไม่เหลือชาวบ้านร่วมเวทีแม้แต่คนเดียว เนื่องจากกลุ่มชาวบ้านที่เหมารถมาจากนอกพื้นที่ได้เดินทางกลับไปก่อนหน้านี้แล้ว ประธานฯ เวทีจึงปิดการประชุมและแยกย้ายกลับในเวลา 22.10 น.