นครพนม - ลูกหนี้ชาวนครพนมฮือถือป้ายประท้วงนายทุนเงินกู้นอกระบบโหด ตั้งใจฮุบโฉนดที่ดินที่ใช้จำนองคิดเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยสูงหลายหมื่นเท่าจากเงินต้นที่กู้ ด้านดีเอสไอชี้เจ้าหนี้ใช้กฎหมายฉ้อฉลหวังยึดที่ดิน
วันนี้ (25 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีชาวบ้านจาก 2 ตำบลของ อ.เมือง จ.นครพนม กว่า 20 คน ที่เดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบจากนายทุนโหด นำโดยนางขจร มหาชัย วัย 50 ปี เดินทางชูป้ายข้อความประท้วงที่สำนักงานยุติธรรม จ.นครพนม ภายในสวนชมโขง ถ.อภิบาลบัญชา อ.เมือง จ.นครพนม
หลังไปยื่นเรื่องร้องเรียนที่กรมสวนสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ มีนายโกสิต ศักดิ์ศรีพงศ์ พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ ดีเอสไอภาค 4 ร.ต.ท.ปรัชญา ดวงไกรแสง จนท.คดีพิเศษ ดีเอสไอภาค 4 และนายชนะ พรหมพิทักษ์กุล ผอ.สำนักงานบังคับคดี จ.นครพนม ออกมารับเรื่องร้องทุกข์
นางขจร มหาชัย กล่าวว่า ตนพาชาวบ้านมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และนำเงินมาใช้หนี้ตามความเป็นจริง หลังจากที่ชาวบ้านใน ต.หนองญาติ และ ต.โพธิ์ตาก กว่า 20 ราย เดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบ ภายหลังจากนำโฉนดที่ดินไปจำนองกับนายทุนรายใหญ่ในตัวเมืองนครพนม
นายทุนหน้าเลือดรายนี้ใช้ช่องทางทางกฎหมาย โกงคนที่ไม่รู้เท่าทัน ใช้คำพูดหว่านล้อม ให้ลูกหนี้เซ็นหนังสือยินยอมในการจำนองที่ดิน เช่น ชาวนายืม 100 ใช้หนี้ 500 บาท ยืม 500 ใช้หนี้ 500,000 บาท มันเกินจริง ขอให้นายกรัฐมนตรีและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในส่วนกลางมาช่วยด้วย
ขณะที่นายสมบัติ เปล่งทรัพย์ อายุ 49 ปี ชาวบ้าน บ.พรเจริญ ต.วังตามัว อ.เมือง กล่าวถึงความเดือดร้อนว่า ตนนำโฉนดที่ดินไปจำนองกับนายทุนคนนี้ เป็นเงิน 60,000 บาท เรียกดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นเป็นเงิน 350,000 บาท พอถึงเวลานัดใช้หนี้กลับให้ลูกน้องโกหกว่าเจ้าหนี้ไปต่างประเทศ จะไปขอเอกสารก็ไม่ยินยอมบ่ายเบี่ยงไปต่างๆ นานา จึงไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.นครพนม แต่เรื่องไม่คืบหน้า
กระทั่งครบสัญญาจำนอง เจ้าหนี้ยื่นฟ้องศาลบังคับให้ขายทอดตลาด ก่อนส่งทีมงานไปยื่นซื้อเอาจากสำนักงานบังคับคดี ตนมีพี่น้องปลูกบ้านในโฉนดที่เดือดร้อน 4 หลังในผืนเดียวกัน กำลังจะถูกขับไล่ไม่มีที่ดินจะอยู่ เดือดร้อนอย่างหนัก
ขณะที่นางสมัย จันทะแสง อายุ 56 ปี ชาวบ้าน ต.โพธิ์ตาก กล่าวว่า ตนเอาโฉนดที่นาเนื้อที่ 10 ไร่ ไปจำนองกับนายทุนคนนี้ กู้ 1.7 แสนบาท แต่ทำสัญญาให้ชำระเงิน 300,000 กว่าบาท ระบุเสียดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี เพื่อให้น้าชายไปทำงานประเทศเกาหลี เคราะห์ซ้ำกรรมซัดกลับถูกนายหน้าต้มตุ๋น ตนยืมเงิน อชก.จะไปจ่ายหนี้ 240,000 บาท
แต่พอจะไปชำระกลับบอกเป็นหนี้ 500,000 บาท ตนเสียดอกเบี้ยเดือนละ 7,000 บาท เดือดร้อนหาเงินใช้ดอกเบี้ยแทบไม่ทัน จึงมาร้องเรียนให้ช่วยเหลือ
ด้านนายโกสิต ศักดิ์ศรีพงศ์ พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ ดีเอสไอภาค 4 กล่าวว่า ชาวบ้านกลุ่มนี้ยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และไปร้องเรียนหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องเกิดตั้งแต่ปี 2550-2552 เท่าที่ตรวจสอบเอกสาร ชาวบ้านรายหลายที่เป็นลูกหนี้คงไม่โกหก กรณีนี้นายทุนใช้กฎหมายในทางฉ้อฉล คือใช้กฎหมายในทางที่เป็นประโยชน์แก่ตน หากชาวบ้านซึ่งเป็นลูกหนี้จะสู้ด้วยเอกสารก็น่าหนักใจ เพราะนายทุนกลุ่มนี้ไม่ต้องการจะรับเงินใช้หนี้คืน มีจุดประสงค์ต้องการยึดที่ดิน
พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ ดีเอสไอภาค 4 กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่าลูกหนี้หลายรายดินพอกหางหมูดอกเบี้ยท่วมต้น หากเจ้าหนี้ยอมไกล่เกลี่ยในระดับจังหวัด และหากลูกหนี้ให้ความร่วมมือ เจ้าหนี้ก็คงต้องยอมให้ทุกราย ซึ่งจะได้รวบรวมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงส่งถึงอธิบดีกรมสวนสวนคดีพิเศษว่ามูลเหตุเกิดจากอะไร
เช่น เจ้าหนี้มีการปลอมแปลงเอกสาร ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ไหม จะนำไปสู่คดีพิเศษได้หรือไม่ ส่วนนายทุนรายนี้ไม่น่าจะเป็นผู้มีอิทธิพล หากมีทางพื้นที่และทางจังหวัดคงไม่เอาไว้