ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตรห่วงปัญหาหมอกควัน ไฟป่าภาคเหนือกลับมามีสถานการณ์วิกฤตระลอกใหม่ช่วงต้นเดือน เม.ย. สั่งปรับแผนปฏิบัติการทำฝนหลวงด้วยการนำเทคนิค “หลุมดำ” มาใช้ โดยให้เครื่องบิน BT-67 บินนำโปรยน้ำก่อน ตามด้วยสารฝนหลวง ทำปฏิกิริยาดึงหมอกควันให้ยกลอยตัวขึ้น
วันนี้ (25 มี.ค. 58) ที่ห้องประชุมกองบิน 41 เชียงใหม่ นายวราวุธ ขันติยานันท์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่า ร่วมกับผู้แทนจากกองทัพภาคที่ 3 และกองบิน 41 รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยนายวราวุธระบุว่า พายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้นส่งผลให้สถานการณ์ปัญหาหมอกควัน ไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือคลี่คลายลงไประดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม มีความเป็นห่วงในช่วงหลังจากนี้อาจจะเกิดการสะสมของเชื้อเพลิงในธรรมชาติ ประกอบกับการเผาในพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้คาดว่าปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐานอาจจะมีความรุนแรงอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ 1 และ 2 ของเดือน เม.ย. 58 นี้
ทั้งนี้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวที่อาจจะเกิดขึ้น อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตรเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการปรับแผนการปฏิบัติการบินทำฝนหลวง โดยน้อมนำเทคนิคพระราชทาน “หลุมดำ” มาใช้ โดยจะเป็นการโปรยสารฝนหลวงสูตรร้อนและสูตรเย็น บริเวณชั้นบรรยากาศหรือเพดานหมอกควันเพื่อให้ทำปฏิกิริยาเปิดช่องให้หมอกควันพุ่งขึ้นด้านบน ไม่ให้ลงมาด้านล่างชั้นบรรยากาศซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในหลายจังหวัด
สำหรับเทคนิคพระราชทานหลุมดำนั้น นับเป็นวิธีการที่มีความเสี่ยงต่อการบิน เนื่องจากต้องใช้เครื่องบินร่วมปฏิบัติการบินเป็นรูปแบบวงกลมในทัศนวิสัยที่มีน้อย เพื่อโปรยสารร้อนและเย็นในความสูงที่ต่างกันไม่มาก แต่เนื่องจากความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศที่คาดว่าจะมีต่ำกว่าร้อยละ 70 ซึ่งไม่สามารถทำฝนหลวงได้ตามปกติ ทำให้ปฏิบัติการต้องนำเทคนิคหลุมดำมาใช้
โดยก่อนจะเข้าสู่ช่วงสถานการณ์วิกฤตตามที่คาดไว้ เครื่องบิน BT-67 ของกองทัพอากาศจะฝึกซ้อมร่วมกับเครื่องบินแบบกาซาของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรก่อน ซึ่งการบินจะให้เครื่องบิน BT-67 บินนำหน้าโปรยน้ำเพิ่มความชื้นในอากาศ ก่อนที่เครื่องบินฝนหลวงจะตามไปโปรยสารร้อนและเย็น ซึ่งการบินโปรยน้ำก่อนเพื่อให้สารฝนหลวงทั้งสองสูตรทำปฏิกิริยา ทั้งนี้คาดว่าปฏิบัติการหลุมดำจะช่วยบรรเทาปัญหาหมอกควันได้เป็นอย่างดี
