รวบหนุ่มลำพูนอยากเป็นนายร้อย แต่งชุด “ร.ต.ต.” ตั้งด่านลอยตรวจรถ-โพสต์เฟซฯ อวดสาว

ลำพูน - ตำรวจเมืองเจ้าแม่จามเทวี พร้อมทหาร บุกรวบหนุ่มลำพูนอยากเป็นนายร้อยคาบ้าน หลังแต่งเครื่องแบบร้อยตำรวจตรีเต็มยศตั้งด่านลอยเรียกตรวจรถ-ออกใบสั่ง แถมโพสต์รูปลงเฟซฯ อวดสาว พบทั้งเครื่องหมาย-กระบี่-เสื้อผ้าครบชุด

บ่ายวันนี้ (16 มี.ค.) พล.ต.ต.สมสง่า ชรินทร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธเนศ ชาวนาทุ่ง รอง ผบก., พ.ต.อ.ผล ปนเปี้ย ผกก.สภ.เมืองลำพูน ได้ประชุมร่วมกับสื่อมวลชนในพื้นที่ลำพูน กรณีมีชายวัยรุ่นแต่งตัวเลียนแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจยศร้อยตำรวจตรี แฝงตัวช่วยงานตู้ยามตำรวจ ทั้งยังตั้งด่านลอยเรียกตรวจรถยนต์-จักรยานยนต์ เขียนใบสั่งแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยไม่มีอำนาจ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียหาย

นอกจากนี้ ยังมีประชาชนร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนว่า มีความข้องใจว่ามีชายวัยรุ่นคนหนึ่งแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรียกตรวจรถที่ผ่านไปมาโดยไม่มีนายตำรวจ ที่การออกเอกสารคล้ายๆ ใบสั่งจราจร และได้อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ทำงานอยู่ที่ตู้ยามตำรวจต้นธง หลังจากก่อนหน้านี้เคยช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ก่อนจะไปช่วยพนักงานจราจร และมีการถ่ายรูปลงเฟซบุ๊ก โดยอ้างว่าทำงานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่พฤติกรรม และลักษณะท่าทางการปฏิบัติงานต่างๆ เหมือนไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ

หลังการหารือ พล.ต.ต.สมสง่าได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร พล.ร.7 ส่วนแยก 1 ลำพูน ไปตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 132/10 ถนนลำพูน-ป่าซาง ชุมชนสันดอนรอม ต.ในเมือง อ.เมืองลำพูน พบนายสันติ ภาคทรัพย์ศรี หรือโอ๋ อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกับที่ถูกประชาชนร้องเรียน อยู่ในห้องนอน

เจ้าหน้าที่จึงตรวจค้นห้องพัก พบชุดเสื้อสีกากีเครื่องแบบคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมเครื่องหมายแพรแถบ, กนกคอ ดาวเงินตำรวจ 2 อัน, ป้ายชื่อ 1 ชุด, เสื้อสะท้อนแสง 1 ตัว, เข็มขัดสนามสีขาวแบบจราจร 1 เส้น, เข็มขัดหนังสีดำ 1 เส้น, กระบี่พร้อมฝักกระบี่ 1 ชุด, อาวุธปืนอัดลมแบบลูกซองยาว 1 กระบอก, อาวุธปืนสั้นอัดลม 1 กระบอก, โครงอาวุธปืนสั้นอัดลม 1 กระบอก, รองเท้าหนังสีดำแบบหุ้มส้น (คอมแบต) 1 คู่, บัตรผู้ช่วยเจ้าพนักงานตำรวจ 1 บัตร จึงได้ร่วมกันตรวจยึดสิ่งของดังกล่าว

สอบสวนเบื้องต้นนายสันติให้การยอมรับว่าได้ถ่ายรูปในขณะแต่งเครื่องแบบตำรวจแล้วนำไปลงในเฟซบุ๊ก และยอมรับว่าเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายรวมทั้งเครื่องหมายต่างๆ ที่คล้ายเจ้าหน้าที่ตำวจเป็นของตนเองจริง เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป