ผบก.บุรีรัมย์ ย้ำทำแผนขออนุญาตตั้งด่านทุกครั้ง ขู่เชือดเด็ดขาดด่านลอยรีดไถ

บุรีรัมย์ - ผู้การ ตร.บุรีรัมย์ กำชับทุกโรงพักทำแผนเสนอขออนุญาตผู้บังคับบัญชาก่อนตั้งจุดตรวจสกัด หรือจุดกวดขันวินัยจราจรทุกครั้ง พร้อมให้ติดป้ายชื่อผู้รับผิดชอบจุดตรวจให้ ปชช.เห็นชัดเจน ชี้หากพบ สภ.ใดฝ่าฝืนตั้งด่านลอยหรือมีพฤตกรรมเรียกรับประโยชน์จะถูกลงโทษทั้งวินัย และกฎหมายอย่างเด็ดขาด

วันนี้ (13 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดกรณีการตั้งด่านตรวจที่ไม่ถูกต้องตามนโยบายในพื้นที่ จ.นครราชสีมา จนมีคำสั่งย้ายผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา และผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.เมืองนครราชสีมา ไปช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมเน้นย้ำให้ทุกจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบ เข้มงวดในการตั้งจุดตรวจสกัดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีดังกล่าวซ้ำอีกนั้น

ในส่วนของ จ.บุรีรัมย์ ทาง พล.ต.ต.สุวรรณ เอกโพธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.)บุรีรัมย์ ได้สั่งกำชับให้สถานีตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบทั้ง 34 สถานี ได้ปฏิบัติตามระเบียบและนโยบายในการตั้งด่านตรวจให้ถูกต้อง โดยการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด หรือด่านต่างๆ ที่มีระเบียบการปฏิบัติที่ชัดเจนอยู่แล้ว โดยระดับสถานีผู้กำกับสามารถออกคำสั่งได้เองตามภารกิจ เช่น เกิดเหตุด่วน เหตุร้าย และเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจต้องยกเลิก

ส่วนระดับผู้บังคับการ สามารถสั่งการให้ตั้งจุดตรวจในพื้นที่จังหวัดที่รับผิดชอบได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการตั้งจุดตรวจแต่ละครั้งต้องมีการทำแผนระบุวันเวลาชัดเจน พร้อมทำหนังสือขออนุญาตผู้บังคับบัญชาก่อนทุกครั้ง พร้อมให้มีการทำป้ายชื่อผู้รับผิดชอบด่าน ซึ่งต้องเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรควบคุมดูแล พร้อมติดเบอร์โทรศัพท์ในการติดต่อกับผู้บังคับบัญชาให้ประชาชนมองเห็นอย่างชัดเจนด้วย

ด้าน พ.ต.อ.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รองผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ ระบุว่า ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีด่านถาวรตรวจสกัดยาเสพติดอยู่ 3 จุด คือ อ.โนนดินแดง อ.พุทไธสง และ อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ นอกจากนี้ ยังมีด่านความมั่นคงที่ตำรวจร่วมกับทหารในการตั้งจุดตรวจอีก 3 จุด คือ อ.โนนดินแดง หนองกี่ และ อ.ลำปลายมาศ

อย่างไรก็ตาม จากการออกตรวจตามจุดตรวจสกัด หรือจุดตรวจกวดขันวินัยจราจรในพื้นที่ต่างๆ ยังไม่พบมีการฝ่าฝืนแต่อย่างใด แต่หากมีการตรวจพบ หรือได้รับร้องเรียนว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ใดฝ่าฝืนตั้งด่านลอย หรือมีพฤติกรรมเรียกรับประโยชน์ จะต้องถูกดำเนินการเอาผิดทั้งทางวินัย และระเบียบกฎหมายอย่างเด็ดขาดโดยไม่มีการละเว้น