xs
xsm
sm
md
lg

วิสาหกิจชุมชนเมล็ดพันธุ์เชียงใหม่โวย จนท.คุกคามนำ ตร.-ทหารควงอาวุธบุกค้นไร้ความผิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ภาพจาก https://www.facebook.com/biothai.net/timeline
ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ประธานกลุ่มเกษตรกรทำนาน้ำแพร่ อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ โวยเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดถูกคุกคาม หลัง จนท.กรมวิชาการเกษตรนำกำลังตำรวจ และทหารพร้อมอาวุธครบมือเข้าตรวจค้นบ้านและแปลงปลูกโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า อ้างมีผู้ร้องเรียนว่าเมล็ดพันธุ์ที่จำหน่ายมีการปลอมปน แต่สุดท้ายกลับไม่พบความผิดใดๆ หวั่นโดนกลั่นแกล้ง-เอื้อประโยชน์บริษัทเมล็ดพันธุ์ยักษ์ใหญ่ที่สูญเสียส่วนแบ่งตลาด เนื่องจากราคาเมล็ดพันธุ์ของวิสาหกิจชุมชนถูกกว่าเท่าตัว

จากกรณีที่เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 58 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนและทหารได้เข้าทำการตรวจค้นบ้านพักและแปลงปลูกข้าวโพดในพื้นที่อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ของเกษตรกรที่เป็นสมาชิกของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ผลิตและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด โดยอ้างว่าได้รับการร้องเรียนว่าเมล็ดพันธุ์ที่จำหน่ายมีการปลอมปน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กลุ่มเกษตรกรเป็นอย่างมาก เนื่องจากมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุเพราะเจ้าหน้าที่มีการพกพาอาวุธครบมือในระหว่างเข้าทำการตรวจค้น โดยที่เหตุการณ์ดังกล่าวมีการนำเผยแพร่และวิพากษ์วิจารณ์ผ่านทางโซเชียลมีเดียด้วยนั้น

นายพิรุณ ทองดี ประธานกลุ่มเกษตรกรทำนาน้ำแพร่ อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 58 กับกลุ่มเกษตรกรทำนาน้ำแพร่ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของเกษตรกรและมีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดจำหน่ายให้เกษตรกรด้วยกันในราคาที่ถูกกว่าราคาจำหน่ายของบริษัทรายใหญ่ โดยในวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนและทหารจำนวนหลายนายพร้อมด้วยอาวุธประจำกาย เข้าทำการตรวจค้นบ้านพักและแปลงปลูกของเกษตรกรที่เป็นสมาชิกกลุ่มในตำบลน้ำแพร่ และตำบลเขื่อนผาก อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่

โดยการเข้าทำการตรวจค้นดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรไม่ได้มีการแจ้งให้ทางเกษตรกรทราบล่วงหน้า อ้างแต่เพียงว่าได้รับการร้องเรียนจากผู้หวังดีว่าเมล็ดพันธุ์ที่ทางกลุ่มมีการผลิตและจำหน่ายนั้นมีการปลอมปน จึงได้เข้าทำการตรวจค้น

อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจค้นไม่พบการกระทำความผิดใดๆ ตามที่มีการร้องเรียน และไม่มีการจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายใดๆ เกษตรกรด้วย แต่สิ่งที่สร้างความไม่พอใจให้แก่กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่เป็นอย่างมากและตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ก็คือว่าเหตุใดจึงต้องมีการนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนและทหาร พร้อมอาวุธเข้าทำการตรวจค้นด้วย เพราะมองไม่เห็นว่ามีความจำเป็นหรือเหตุผลอันควรที่จะต้องมีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารพร้อมอาวุธเข้าทำการตรวจค้นในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นในกรณีที่เกษตรกรจะมีการกระทำความผิดก็ตาม

ประธานกลุ่มเกษตรกรทำนาน้ำแพร่กล่าวว่า การรวมตัวกันจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนเพื่อผลิตและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดของกลุ่มมีการขออนุญาตและขึ้นทะเบียนถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายทุกอย่าง ทั้งพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518, พระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีการจัดตั้งขึ้นมานานนับสิบปีแล้ว และเป็น 1 ใน 50 กว่ากลุ่มที่มีการจัดตั้งขึ้นมาในพื้นที่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น

ทั้งนี้ การถูกเจ้าหน้าที่ที่อ้างเหตุผลการเข้าตรวจค้นว่ามีผู้ร้องเรียนนั้น ไม่กล้าระบุว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันหรือไม่ รวมทั้งไม่อยากชี้ชัดด้วยว่ามีกลุ่มนายทุนที่เสียประโยชน์จากการที่ทางกลุ่มจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ในราคาที่ถูกกว่าเท่าตัวอยู่เบื้องหลังหรือไม่ แต่ยอมรับว่ารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการคุกคามเกษตรกรอย่างมาก

“ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่ต้องทำกันถึงขนาดนั้น ทำเหมือนกับว่าเกษตรกรเป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่ก็ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หรือต่อให้มีความบกพร่องใดๆ เกิดขึ้นจริงก็ไม่ควรทำขนาดนี้ ส่วนจะเป็นการกลั่นแกล้งกันโดยบริษัทใหญ่ที่ขายเมล็ดพันธุ์อยู่เหมือนกันหรือไม่นั้น ไม่ทราบ แต่ที่ชัดเจนก็คือการทำแบบนี้ของเจ้าหน้าที่มันเป็นการคุกคามกัน”นายพิรุณแสดงความเห็น

ขณะเดียวกัน นายพิรุณบอกว่า เวลานี้ยังมีความเป็นห่วงและกังวลอยู่อย่างต่อเนื่องว่า เจ้าหน้าที่จะนำกำลังกลับเข้ามาตรวจค้นในพื้นที่อีก ซึ่งสร้างความไม่สบายใจให้เกษตรกรในพื้นที่เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ต้องการเรียกร้องไปยังภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า หากมีปัญหาใดๆ ควรจะใช้วิธีการพูดคุยชี้แจงทำความเข้าใจกันมากกว่าที่จะดำเนินการในลักษณะนำกำลังเข้าจู่โจม โดยหากเห็นว่าการดำเนินการของกลุ่มเกษตรกรมีข้อบกพร่องใดที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขก็ควรบอกกล่าวแนะนำกัน ซึ่งเกษตรกรพร้อมที่จะทำให้ถูกต้องอยู่แล้ว

ด้านแหล่งข่าวที่เป็นผู้ทำงานในองค์กรพัฒนาเอกชน ซึ่งรับผิดชอบงานด้านการพัฒนาองค์กรเกษตรกรในจังหวัดเชียงใหม่ แสดงความเห็นว่า ส่วนตัวเชื่อว่าการเข้าตรวจค้นของเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรดังกล่าวนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะมีเรื่องของผลประโยชน์เกี่ยวกับการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากกลุ่มเกษตรกรดังกล่าวมีการรวมตัวกันผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดออกจำหน่ายในราคาที่ถูกเพียงกิโลกรัมละประมาณ 50 บาท

ขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่ซึ่งเคยผูกขาดตลาดอยู่จำหน่ายกิโลกรัมละกว่า 100 บาท โดยที่คุณภาพและปริมาณผลผลิตไม่แตกต่างกัน ทำให้เมล็ดพันธุ์ของกลุ่มเกษตรกรเป็นที่นิยมมากขึ้น พร้อมๆ กับการที่บริษัทยักษ์ใหญ่สูญเสียส่วนแบ่งการตลาด

ทั้งนี้ ตั้งข้อสังเกตว่าหากมีกรณีร้องเรียนแบบเดียวกันนี้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ เจ้าหน้าที่จะทำแบบเดียวกันกับที่ทำกับกลุ่มเกษตรกรหรือไม่ จึงต้องการเสนอแนะว่า ไม่ว่าจะเป็นกรณีกับกลุ่มเกษตรกรหรือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ เจ้าหน้าที่จะต้องปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น