ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นตั้งคณะกรรมการไตรภาคีแก้ปัญหาข้อพิพาทขุดเจาะปิโตรเลียมดงมูล ที่ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เผยดึงทั้งชาวบ้านในพื้นที่ที่ประสบปัญหา พร้อมบริษัทรับสัมปทาน และหน่วยงานรัฐในพื้นที่ร่วมในคณะกรรมการมุ่งเจรจาหาทางออกร่วมกัน ป้องกันและลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
จากกรณีข้อพิพาทโครงการขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียมแปลงสำรวจ L27/43 หลุมดงมูล-บี (ดงมูล 5) ของบริษัท อพิโก้ (โคราช) จำกัด ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.กุงเก่า อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งชาวบ้านเรียกร้องให้บริษัทรับสัมปทานยุติขุดเจาะปิโตรเลียมในพื้นที่หวั่นเกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่อชาวบ้าน ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะเดินหน้าสำรวจปิโตรเลียมในพื้นที่ต่อไปได้หรือไม่
ล่าสุดวันนี้ (12 มี.ค. 58) ที่ห้องประชุมศาลาประชาคมจังหวัดขอนแก่น นายศิวาโรจน์ มุ่งหมายผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ประธานการประชุมคณะกรรมการไตรภาคี ครั้งที่ 1 เพื่อติดตามการตรวจสอบดำเนินงานและแก้ไขปัญหาผลกระทบโครงการเจาะสำรวจปิโตรเลียม หลุมสำรวจ ดงมูล-บี แปลงสำรวจบนบก หมายเลข L27/43 ของบริษัท อพิโก้ (โคราช) จำกัด โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ตัวแทนจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ, ตัวแทนจากบริษัท อพิโก้ (โคราช) จำกัด, ตัวแทนจากภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น และคณะกรรมการภาคราชการ ประกอบด้วย ฝ่ายตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองจังหวัดขอนแก่น
นายศิวาโรจน์ มุ่งหมายผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า จากประเด็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน ทางผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น โดยนายกำธร ถาวรสถิตย์ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการไตรภาคีขึ้นเป็นครั้งแรก บทบาทหลักเพื่อการเจรจาหาทางออกร่วมกัน มุ่งป้องกันและลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น และเป็นการตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
“การเจรจาร่วมกันครั้งนี้มีผู้แทนเชื้อเพลิงธรรมชาติจะลงมาชี้แจงให้ทราบถึงมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ พร้อมด้วยผู้แทนจากบริษัท อพิโก้ (โคราช) จำกัด ชี้แจงแผนการขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียมแหล่งดงมูลในพื้นที่ พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการดำเนินโครงการขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียมฯ” นายศิวาโรจน์กล่าว และว่า
ขณะที่ตัวแทนภาครัฐเป็นตัวกลางแก้ไขปัญหาตามกฎหมายเพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกันทั้งสองฝ่าย ส่วนการดำเนินการต่อไปเป็นส่วนของบริษัทรับสัมปทาน โดยคาดหวังว่าให้ทั้งสองฝ่ายได้อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุขและเกิดความเข้าใจตรงกัน แม้ว่าการประชุมในครั้งนี้จะไม่ได้ข้อสรุปทั้งหมด และหากประชาชนยังไม่พอใจจะต้องมีการเจรจากันต่อไปเพื่อให้เกิดประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย
