ประจวบคีรีขันธ์ - ทหารมณฑลทหารบกที่ 15 เพชรบุรี ใช้อำนาจกฎอัยการศึก นำกำลังตำรวจ จนท.อุทยาน เข้าตรวจสอบกลางป่าตำบลเขาจ้าว อำเภอปราณบุรี พบบ้านหลังใหญ่หลายหลังบนที่ดินกว่า 150 ไร่ และมีการบุกรุกเพิ่มเติมเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่า ไม่มีหน่วยงานของรัฐใดกล้าเข้าไปตรวจสอบ เบื้องต้น ยังไม่มีการแจ้งความ และยึด เนื่องจากต้องรอค่าพิกัดจากสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี นำค่าพิกัดตรวจสอบก่อน เผยทราบเพียงผู้ครอบครองเป็นตระกูล “หุยากรณ์” เป็นนายทุนจากสมุทรสาคร และอาจพัวพันตระกูล “สุวะดี”
วันนี้ (5 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 15 จังหวัดเพชรบุรี นำโดย ร.ท.ธีระพงษ์ นามสละ ได้ใช้อำนาจกฎอัยการศึก นำทหารกองร้อยรักษาความสงบเรียบร้อยที่ 2 ศูนย์การทหารราบ ทหารชุดเฉพาะกิจ จงอางศึก ค่ายสุรสีห์ กองพลทหารราบที่ 9 กาญจนบุรี นายภาคภูมิ อร่ามศิริรุจิเวทย์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ตำรวจป่าไม้ ตำรวจตระเวนชายแดนกองร้อยที่ 145 ปราณบุรี ตำรวจชุดเฉพาะกิจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เกือบ 50 นาย เดินทางเข้าไปยังหมู่ 6 บ้านโป่งไผ่ ต.เขาจ้าว อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าด้านทิศตะวันตก
เพื่อเข้าตรวจสอบ “บ้านไร่ชัยวัฒน์” ที่ตั้งอยู่กลางหุบเขา ริมลำน้ำแม่ตะลุย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ภายหลังชาวบ้านให้ข้อมูลว่า มีนายทุนกลุ่มใหญ่จากนอกพื้นที่เข้ามาปลูกสร้างบ้านขนาดใหญ่ถึง 3 หลังด้วยกัน เป็นเวลามานานหลายปีแล้ว และมีการบุกรุกที่ดินเพิ่มเติมต่อเนื่อง แต่ที่ผ่านมา ไม่มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานของรัฐหน่วยใดกล้าเข้าไปตรวจสอบ
หลังจากกำลังทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าถึงบริเวณภายใน “บ้านไร่ชัยวัฒน์” ไม่พบเจ้าของบ้านแต่อย่างใด พบเพียงแรงงานต่างด้าว 5-6 คน ที่อาศัยอยู่ และแจ้งให้ทราบเพียงว่า เจ้าของพื้นที่ดังกล่าวไม่อยู่
จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จึงได้กระจายกำลังเข้าตรวจสอบโดยรอบ พบบ้านหลังขนาดใหญ่ปลูกด้วยปูนขนาด 2 ชั้น สีเขียว ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขา ชั้นบน และชั้นล่างมีทั้งห้องพัก และห้องรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น และระเบียงด้านหน้ามีศาลาริมลำน้ำเป็นทรงแปดเหลี่ยม และอาคารสำหรับใช้เป็นที่ดื่มกาแฟอีก 1 หลัง
นอกจากนี้ ยังพบบ้านพักชั้นเดียวอีก 1 หลัง มีห้องพักจำนวนหลายห้องด้วยกัน มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ตั้งอยู่บริเวณลำห้วยแม่ตะลุย ซึ่งรับน้ำที่จะไหลลงสู่แม่น้ำปราณบุรี และเขื่อนปราณบุรี อีกทั้งยังพบมีการสร้างฝายขนาดใหญ่ขวางกั้นลำน้ำเพื่อเชื่อมไปยังพื้นที่ตรงข้ามซึ่งเป็นสวนทุกเรียน นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังพบว่า ริมลำห้วยอณาเขตของบ้านไร่ชัยวัฒน์ มีการใช้หินขนาดใหญ่มาเรียงทำเป็นผนังตลอดแนว และมีต้นจันผาปลูกไว้ ซึ่งรอบบ้านหลังดังกล่าวเป็นสวนผลไม้ขนาดใหญ่ ทั้งทุเรียน เงาะ
นอกจากนั้น ใกล้เคียงกันเจ้าหน้าที่ทหารยังนำกำลังเข้าตรวจสอบบ้าน 2 ชั้น อีก 1 หลัง มีการกั้นอาณาเขตเอาไว้ แต่ไม่พบมีใครอยู่ พบเพียงหลักหมุดเสาปูนที่บอกถึงพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเท่านั้น
เบื้องต้น ร.ท.ธีระพงษ์ นามสละ ทหารมณฑลทหารบกที่ 15 จังหวัดเพชรบุรี และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี พบว่า พื้นที่ “บ้านไร่ชัยวัฒน์” และบริเวณบ้าน 2 ชั้นที่อยู่ใกล้กัน รวมทั้งหมดที่ตรวจสอบพบในวันนี้ จำนวน 4 แปลงใหญ่ รวมเนื้อที่กว่า 150 ไร่ ซึ่งพบทั้งหมดมีนายทุนนามสกุลเดียวกันครอบครอง โดยเป็นนายทุนจากจังหวัดสมุทรสาคร และมีข้อมูลด้วยว่า บ้านพักหลังใหญ่สีเขียวครอบครัว สุวะดี เคยเดินทางมาพักด้วย
โดยพื้นที่ที่ตรวจสอบทราบเป็นพื้นที่ตามติ ครม.30 มิ.ย.2541 และส่วนที่เหลือใกล้เคียงกันพบมีการบุกรุกขยายฟื้นที่เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่อุทยานแห้งชาติกุยบุรี แจ้งว่าไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้ เนื่องจากเป็นคำสั่งของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเท่านั้น เบื้องต้น จะต้องนำค่าพิกัดทั้งหมดที่มาตรวจสอบในวันนี้กลับไปขึ้นรูปแผนที่ที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ก่อนจึงจะรู้ว่ามีการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จำนวนเท่าไหร่ จึงจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้บุกรุก ซึ่งเป็นนายทุนจากจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งทราบชื่อหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ชาวบ้านแจ้งว่า ที่ผ่านมาหลายปีไม่มีหน่วยใดกล้าเข้าตรวจสอบ ซึ่งเรื่องนี้เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ทราบดีว่าเป็นพื้นที่ของผู้ใด เบื้องต้น วันนี้ทั้งทหาร และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี และตำรวจป่าไม้ ตำรวจชุดเฉพาะกิจ ตำรวจตระเวนชายแดน ยังไม่สามารถจะตอบได้ว่าจะยืดได้เลยหรือไม่ และยังไม่มีหน่วยงานใดกล้าแจ้งความดำเนินคดีในวันนี้ เนื่องจากทุกหน่วยงานรู้ว่าเป็นพื้นที่ของใคร ไม่ใช่ไม่กลัว แม้แต่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ หรือใครก็ไม่กล้าแตะต้องมานานแล้ว
ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวพบว่ามีชื่อของ นายชัยวัฒน์ หุยากรณ์ เนื้อที่ 40-3-95 ไร่ นายชัยยุทธ หุยากรณ์ เนื้อที่ 36-3-85 ไร่ และนายเชิดชัย หุยากรณ์ เนื้อที่ 49 -3-42 ไร่ เป็นเจ้าของพื้นที่อยู่ในแปลงรังวัดที่อยู่ในมติ ครม.30 มิ.ย.41 ซึ่งขณะนี้รอเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี นำค่าพิกัดดาวเทียมมาดำเนินการขึ้นวงรูปแปลงมาคำนวณเนื้อที่ และคัดแยกพื้นที่ที่อยู่ในแปลงรังวัดที่อยู่ในมติ ครม.30 มิ.ย.41
หากพบว่ามีส่วนเกินนอกแปลงก็ถือว่าเป็นการบุกรุกใหม่ ต้องจับกุมดำเนินคดี ส่วนที่มีรูปแปลงแล้วต้องรอกผลการพิสูจน์ว่าอยู่ก่อนพื้นที่ป่าที่ราชการสงวนหวงห้าม หรือป่าสงวนแห่งชาติ หรืออุทยานแห่งชาติ ครั้งแรกหรือไม่ ถ้าอยู่ทำกินหลังปี 2545 ถือเป็นการบุกรุกใหม่ ต้องดำเนินการตรวจยึดจับกุม