xs
xsm
sm
md
lg

สามีโร่แจ้ง ตร. “เมีย-ลูก 2 ขวบ” ถูกอุ้มหาย เชื่อแก๊งแชร์ลูกโซ่ค้าปุ๋ย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายทุมมี  มนต์มี  อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 130  หมู่ 3 บ้านสีทน  ต.โคกสว่าง อ.ปลาปาก จ.นครพนม  แจ้งความตำรวจภรรยาหายตัวไปอย่างปริศนา เชื่อเกี่ยวโยงแก๊งแชร์ลูกโซ่ปุ๋ยเคมี
นครพนม - สามีโร่แจ้งตำรวจ ร้องสื่อช่วยตามหาเมียและลูกสาววัย 2 ขวบถูกอุ้มหาย หลังเป็นนายหน้าชักชวนชาวบ้านลงทุนค้าปุ๋ยเก็งกำไร เชื่อเกี่ยวข้องกับขบวนการแชร์ลูกโซ่ตุ๋นเงินชาวบ้านสูญนับ 20 ล้านบาท ตำรวจมุ่งประเด็นถูกหลอกหรืออาจรู้เห็น ขณะที่ชาวบ้านที่ร่วมลงทุนในฐานะเจ้าหนี้แห่ทวงเงินคืน พร้อมจี้หน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ

วันนี้ (24 ก.พ. 58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทุมมี มนต์มี อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 130 หมู่ 3 บ้านสีทน ต.โคกสว่าง อ.ปลาปาก จ.นครพนม พร้อมนางสุดตรี มนต์มี อายุ 61 ปี มารดา ได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.หนองฮี อ.ปลาปาก จ.นครพนม เพื่อให้ช่วยตรวจสอบติดตามหานางจำปี มนต์มี อายุ 32 ปี ภรรยา ซึ่งอยู่กินกันมากว่า 10 ปี ทำงานเป็นนายหน้าชักชวนชาวบ้านไปลงทุนค้าปุ๋ยเคมี เก็งกำไรมาจ่ายผลตอบแทนคืนชาวบ้านลักษณะคล้ายแชร์ลูกโซ่ โดยมีชาวบ้านร่วมลงทุนประมาณ 50 ราย มีเงินหมุนเวียนประมาณ 20 ล้านบาท จนกระทั่งช่วงหลังมีปัญหาอ้างว่าเงินผลกำไรไม่ได้รับตามเป้าจากนายทุนใหญ่จึงไม่สามารถจ่ายผลกำไรให้ชาวบ้านที่ร่วมลงทุนได้

กระทั่งเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 58 ที่ผ่านมา นางจำปีได้หายไปจากบ้านพร้อมกับลูกสาววัย 2 ขวบ หลังจากขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ 100 สีน้ำเงิน ทะเบียน กพง 238 นครพนม ออกจากบ้านไปโดยอ้างว่าจะไปถอนเงินจากบัญชีที่ตัวเมืองนครพนมมาจ่ายค่าตอบแทนคืนชาวบ้าน โดยนางจำปีบอกกับสามีว่ามีเงินเข้าบัญชีประมาณ 20 ล้านบาท

แต่จนถึงวันนี้นางจำปีกลับหายเงียบไปไม่สามารถติดต่อได้ เชื่อว่าจะถูกคนร้ายหรือขบวนการลงทุนค้าปุ๋ยที่วางแผนมาหลอกให้ชักชวนชาวบ้านอุ้มไปเพื่อหวังเอาเงินที่มีจำนวนมากหรืออาจจะมีการเชิดเงินหนี ด้วยเหตุนี้ตนจึงต้องแจ้งความร้องทุกข์ต่อตำรวจและร้องผ่านสื่อเพื่อให้ช่วยตามหาตัวภรรยาและลูกสาว เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย

ขณะเดียวกันได้มีชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างพากันมาสอบถามติดตามทวงหนี้ เพราะเชื่อว่าถูกหลอกต้มตุ๋น

นายทุมมี มนต์มี สามีนางจำปี นายหน้าค้าปุ๋ยเคมี เล่าว่า ตนอยู่กินกับภรรยามานานกว่า 10 ปีจนมีลูก 2 คน โดยก่อนหน้านี้ตนได้เดินทางไปทำงานต่างประเทศนาน 4-5 ปี จนกระทั่งกลับมาทำไร่ทำนาอยู่บ้าน แต่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องการเงิน และปัญหาครอบครัวเลย

แต่มาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาภรรยาได้ไปรู้จักกับนายทุน เป็นนายหน้าชักชวนชาวบ้านมาลงทุนค้าปุ๋ยเคมี ซึ่งมีกำไรผลตอบแทนดี ทำให้ในช่วงแรกมีชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นญาติและคนรู้จักมาร่วมลงทุนคนละ 1-2 แสนบาท ก่อนนำผลกำไรมาตอบแทนเป็นรายเดือน เดือนละ 10,000-20,000 บาท ตามต้นทุน ทำให้ชาวบ้านนำไปบอกกล่าวปากต่อปากและมีความเชื่อถือในตัวนางจำปีมากขึ้น แห่มาร่วมลงทุนมากขึ้นรายละ 5 แสนถึง 1 ล้านบาท

จนกระทั่งในช่วงปลายปี 2557 เริ่มมีปัญหา ทราบจากภรรยาว่าเงินตอบแทนไม่ได้ตามเป้าทำให้ผิดนัดชาวบ้าน ชาวบ้านที่ร่วมลงทุนเริ่มไม่พอใจ แต่ภรรยาไม่เคยเล่าปัญหาลึกๆ ว่าเกิดจากอะไร และตนไม่เคยรับรู้เกี่ยวกับธุรกิจค้าปุ๋ยดังกล่าวด้วย เพราะความเชื่อใจรักภรรยา จึงไม่เคยมีข้อมูลว่ามีการติดต่อค้าขายกับใครบ้าง รู้เพียงคำบอกเล่าว่าลงทุนค้าปุ๋ย

ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 58 ภรรยาตนบอกว่าจะเข้าไปธนาคารโดยขี่รถจักรยานยนต์ออกจากหมู่บ้านเพื่อไปนั่งรถโดยสารเดินทางต่อเข้าไปยังตัว อ.ปลาปาก จ.นครพนม พร้อมกับลูกสาวคนเล็ก อายุ 2 ขวบ เพื่อจะไปถอนเงินที่นายทุนโอนเข้ามาประมาณ 20 ล้านบาท แต่ตนติดงานจึงไม่ได้เข้าไปด้วยและจนบัดนี้ยังไม่กลับเข้าบ้าน ตนจึงเข้าไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและออกมาร้องผ่านสื่อ เพราะเชื่อว่าภรรยาน่าจะถูกนายทุนอุ้มไปเพื่อหวังเงินก่อนเชิดเงินหนี

“ฝากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามภรรยามาตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่สำคัญผมเป็นห่วงลูกสาววัย 2 ขวบ แต่หากเรื่องนี้ภรรยาผมรู้เห็นกับขบวนการค้าปุ๋ยด้วยก็พร้อมที่จะให้ดำเนินคดี และสาวถึงตัวนายทุนที่ร่วมขบวนการ ผมยืนยันว่าไม่รู้เห็นใดๆ พร้อมที่จะให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่”

ด้านนายไกรสวัสดิ์ นามเพราะ อายุ 39 ปี หนึ่งในกลุ่มชาวบ้านที่ถูกชักชวนลงทุน กล่าวว่า ด้วยความที่เป็นญาติรู้จักมักคุ้นมานานได้รับการชักชวนจึงเชื่อใจ และยอมร่วมลงทุนนำเงินสดไปให้ลงทุน 5 แสนบาท ช่วงแรกได้ผลตอบแทนเดือนละประมาณ 10,000 บาทจริง แต่ช่วงหลังมีปัญหาไม่ได้ตามเป้า แต่คิดว่าคงไม่มีปัญหา จนกระทั่งมาทราบว่านางจำปีหายตัวไป

“จึงต้องการให้ตำรวจมาตรวจสอบหาข้อเท็จจริง เชื่อว่าคงทำเป็นขบวนการหรือคนที่มาชวนอาจถูกหลอกมาอีกที หรืออาจมีส่วนรู้เห็นกัน พอเห็นเงินจำนวนมากจึงเกิดความโลภเชิดเงินหนี ที่สำคัญชาวบ้านบางรายต้องสูญเงินจำนวนมากที่ร่วมลงทุน บางรายมากกว่า 1 ล้านบาท เพราะหวังจะได้ผลตอบแทนสูง”

จากการตรวจสอบพบว่ามีชาวบ้านเข้าร่วมลงทุนไม่ต่ำกว่า 50 ราย มีเงินหมุนเวียนประมาณ 20 ล้านบาท จึงอยากให้ตำรวจติดตามคืนให้ได้ เชื่อว่าเป็นขบวนการต้มตุ๋นหลอกลวง

พ.ต.ท.เสฏฐวุฒิ รอดจันทร์ สารวัตรใหญ่ สภ.หนองฮี อ.ปลาปาก จ.นครพนม กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากชาวบ้าน รวมถึงสามีของนางจำปีที่หายตัวไปก็ได้เร่งตรวจสอบให้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานหาข้อเท็จจริง พร้อมเรียกตัวผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวน

“ต่อจากนี้จะได้ออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบสวน รวมถึงผู้ที่หายตัวไป หากมีพยานหลักฐานเพียงพอเชื่อว่ามีส่วนรู้เห็นหรือเข้าข่ายหลอกลวงชาวบ้าน จะต้องขอออกหมายจับมาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยประเด็นหลักมุ่งในเรื่องของขบวนการหลอกโกงเงินชาวบ้าน”

พ.ต.ท.เสฏฐวุฒิกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการอุ้มเพื่อหวังเอาเงินเชื่อว่าเป็นไปได้ยาก แต่อย่างไรก็ตามทางตำรวจจะเร่งสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อติดตามตัวคนที่หายตัวไปมาสอบสวน หาความกระจ่างเกี่ยวกับคดีนี้ ซึ่งชาวบ้านที่ได้ความเสียหายสามารถเข้าร้องทุกข์ให้เบาะแสแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองฮีได้ตลอดเวลา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งรวบรวมหลักฐานติดตามตัวผู้สูญหายมาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือหากผู้พบเบาะแสบุคคลสูญหายสามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-7130-1376
ภรรยา คือนางจำปี หายตัวไปพร้อมกับลูกสาววัย 2 ขวบ
ชาวบ้านที่ร่วมลงทุนแชร์ลูกโซ่เก็งกำไรค้าปุ๋ยเรียกร้องให้ติดตามตัวนางจำปีมาโดยเร็วเพราะต้องการได้เงินคืน
กำลังโหลดความคิดเห็น