ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - อาจารย์โรงเรียนสอนคนหูหนวกเชียงใหม่ยืนยันความบริสุทธิ์และไม่มีส่วนรู้เห็นกรณีกลุ่มนักศึกษาพิการทางการได้ยินถูกหลอกเอาเอกสารสำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านไปจดจัดตั้ง หจก.ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลที่จังหวัดเลย อ้างแค่ช่วยประสานงานรวบรวมเอกสารให้เพื่อใช้ขอรับทุนการศึกษาให้เด็กตามที่ได้รับการติดต่อมาจากอดีตอาจารย์เกษียณรายหนึ่งเท่านั้น โดยพร้อมเข้าให้ข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ กับทางจังหวัดเชียงใหม่หากได้รับสั่งการ
จากกรณีที่มีกลุ่มผู้พิการทางการได้ยินและผู้พิการทางสมองตกเป็นผู้เสียหายจากถูกหลอกให้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้าน พร้อมลงลายมือชื่อ แล้วมีการนำไปจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัดทำธุรกิจค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่จังหวัดเลย โดยที่ผู้เสียหายไม่ทราบ จนกระทั่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีไม่ส่งรายงานงบการเงินประจำปีตามที่กฎหมายกำหนด และถูกหมายเรียกจากสถานีตำรวจภูธรเมืองเลย ซึ่งผู้เสียหายจำนวนหนึ่งที่เป็นกลุ่มนักศึกษาพิการทางการได้ยินและเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนสอนผู้พิการทางหูแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่าผู้ที่รวบรวมเอกสารดังกล่าวไปเป็นอาจารย์ที่สอนอยู่ในโรงเรียนที่ผู้เสียหายเป็นศิษย์เก่า โดยอ้างว่าเพื่อนำไปใช้ในการขอรับเงินทุนช่วยเหลือผู้พิการนั้น
วันนี้ (23 ก.พ. 58) น.ส.ฉวีวัลย์ สมบัตินันท์ อาจารย์โรงเรียนสอนผู้พิการทางการได้ยินแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้รวบรวมเอกสารสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านจากกลุ่มนักศึกษาพิการทางการได้ยิน ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ยอมรับว่าเป็นผู้ที่ติดต่อแจ้งให้นักศึกษาที่เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนรวบรวมเอกสารต่างๆ จริง โดยในช่วงต้นปี 2557 ได้รับการติดต่อจากอดีตอาจารย์โรงเรียนสอนผู้พิการทางสมองคนหนึ่งที่เกษียณไปแล้วว่ามีทุนการศึกษาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลสนับสนุนให้แก่ผู้พิการ แต่ไม่ทราบรายละเอียดของทุนดังกล่าว ทราบแต่เพียงว่าต้องใช้เอกสารใดบ้าง แล้วรวบรวมส่งให้แก่อดีตอาจารย์คนดังกล่าวไปประมาณเดือนตุลาคม 2557
ทั้งนี้ ยืนยันว่าการดำเนินการประสานงานให้ทั้งหมดทำไปด้วยความหวังดีต่อเด็กกลุ่มนี้ที่เป็นลูกศิษย์ โดยเชื่อว่าจะทำให้เด็กได้รับการช่วยเหลือเป็นเงินทุนเพื่อการศึกษา และไม่ทราบมาก่อนว่าเอกสารสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านที่รวบรวมมาได้จากเด็กประมาณ 20 คน จะถูกนำไปใช้ในการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยมิชอบและทำให้เด็กกลุ่มนี้ตกเป็นผู้เสียหาย
นอกจากนี้ยังระบุว่า ในช่วงที่มีการรวบรวมเอกสารต่างๆ นั้นตนก็ทำเพียงการช่วยแจ้งประสานให้เท่านั้น ด้วยการให้เด็กนำเอกสารไปส่งไว้กับเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของโรงเรียน แล้วทางอดีตอาจารย์ที่ติดต่อไว้ก็จะส่งคนมารับเอกสารที่รวบรวมไว้ โดยที่ตนเองแทบจะไม่ได้เห็นเอกสารหรือพบกับเด็กด้วยซ้ำ จนกระทั่งตกเป็นข่าวว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวง
สำหรับกรณีที่กลุ่มนักศึกษาผู้พิการที่ตกเป็นผู้เสียหายได้เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งสั่งการให้มีการดำเนินการช่วยเหลือและตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้นแล้วนั้น น.ส.ฉวีวัลย์ ซึ่งเวลานี้เดินทางไปราชการที่จังหวัดเพชรบุรี และจะกลับถึงจังหวัดเชียงใหม่ในคืนวันนี้ บอกว่า ยินดีและพร้อมที่จะเข้าไปชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงทุกอย่าง หากมีการประสานหรือสั่งการให้เข้าไปพบเพื่อชี้แจงและให้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ ทั้งสิ้นกับขบวนการหลอกเอาเอกสารสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านจากผู้พิการไปจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัดแล้วแสวงหาผลประโยชน์
