น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีประชาชนในจังหวัดพิษณุโลกร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่า ถูกกลุ่มบุคคลนำชื่อไปใช้ในการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัท โดยไม่ได้ประกอบกิจการจริง เพราะได้รับหมายเรียกจากตำรวจให้ไปชำระค่าปรับ เนื่องจากไม่ได้นำส่งงบการเงินประจำปีภายในระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543
ทั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า จังหวัดพิษณุโลกมีการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินการจดทะเบียนฯ ระหว่างปี 2553 – 2555 จำนวน 739 ราย แบ่งเป็นบริษัทจำกัด 3 ราย ห้างหุ้นส่วนจำกัด 736 ราย และในจำนวนนี้ไม่ได้นำส่งงบการเงินตามที่กฎหมายกำหนด จำนวน 101 ราย ซึ่งเป็นความผิดอาญา ทำให้ผู้มีชื่อเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการตกเป็นผู้ต้องหา โดยสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดพิษณุโลกได้ทำการส่งรายชื่อให้ตำรวจดำเนินคดีออกหมายเรียกให้นิติบุคคลมาชำระค่าปรับ ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งที่ได้รับหมายเรียก และไม่ทราบว่าถูกกลุ่มบุคคลนำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนมาทำการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทเข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชน
น.ส.ผ่องพรรณ กล่าวต่อไปว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าประสานไปยังประชาชนกลุ่มดังกล่าว ทำให้ทราบว่ามีกลุ่มนายหน้าชักชวนให้ชาวบ้านนำบัตรประจำตัวประชาชนมา เพื่อร่วมกิจกรรม เพื่อสังคมในการสงเคราะห์คนพิการ และคนตาบอดโดยไม่ได้ให้กรอกรายละเอียดในเอกสารใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อ และมอบบัตรประจำตัวประชาชนให้ไป เบื้องต้นกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแนะนำให้ชาวบ้านที่ถูกหลอกลวงไปที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดต่างๆ เพื่อเจ้าหน้าที่พัฒนาธุรกิจการค้าจะได้แนะนำให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น อาจให้ไปดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะดำเนินการตรวจสอบในเชิงลึกตามขั้นตอน และวิธีการทางกฎหมาย ซึ่งหากพบว่าชาวบ้านถูกหลอกจริง กรมพัฒนาธุรกิจการค้าพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และหากประชาชนสงสัยหรือเข้าข่ายว่า ตนเองจะถูกหลอกลวง โดยมีกลุ่มบุคคล หรือนายหน้ามาขอบัตรประจำตัวประชาชนไป หรือได้รับความเดือดร้อนจากกรณีดังกล่าวให้รีบติดต่อสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าในจังหวัดที่อาศัยอยู่ หรือสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าทุกแห่งโดยด่วนเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจถูกหลอกลวงจากบุคคลที่ไม่หวังดี
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการแอบอ้างนำบัตรประจำตัวประชาชนของชาวบ้านมาทำการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทเกี่ยวกับการค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเตรียมเรียกผู้แทนนิติบุคคลตัวแทนค้าสลากฯ ทั่วประเทศ 21,073 ราย ให้ยืนยันตัวตน และรับรู้สถานะการจดทะเบียนฯ เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และอาจสร้างความเสียหายแก่ประชาชนในวงกว้าง
ทั้งนี้ ระหว่างปี 2553 – 2555 ได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทที่มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นจำนวนมากจนผิดสังเกต ดังนั้น ปลายปี 2556 จึงกำหนดมาตรการเพื่อตรวจสอบการมีตัวตนของผู้ที่เข้ามาเป็นหุ้นส่วน กรรมการและผู้ถือหุ้นในการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทที่มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลอย่างเข้มงวด ทำให้ในปี 2557 มีการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทที่มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการค้าสลากเพียง 166 ราย โดยลดลงจากปี 2556 ถึงจำนวน 5,058 ราย คิดเป็นร้อยละ 96.82
ทั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า จังหวัดพิษณุโลกมีการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินการจดทะเบียนฯ ระหว่างปี 2553 – 2555 จำนวน 739 ราย แบ่งเป็นบริษัทจำกัด 3 ราย ห้างหุ้นส่วนจำกัด 736 ราย และในจำนวนนี้ไม่ได้นำส่งงบการเงินตามที่กฎหมายกำหนด จำนวน 101 ราย ซึ่งเป็นความผิดอาญา ทำให้ผู้มีชื่อเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการตกเป็นผู้ต้องหา โดยสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดพิษณุโลกได้ทำการส่งรายชื่อให้ตำรวจดำเนินคดีออกหมายเรียกให้นิติบุคคลมาชำระค่าปรับ ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งที่ได้รับหมายเรียก และไม่ทราบว่าถูกกลุ่มบุคคลนำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนมาทำการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทเข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชน
น.ส.ผ่องพรรณ กล่าวต่อไปว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าประสานไปยังประชาชนกลุ่มดังกล่าว ทำให้ทราบว่ามีกลุ่มนายหน้าชักชวนให้ชาวบ้านนำบัตรประจำตัวประชาชนมา เพื่อร่วมกิจกรรม เพื่อสังคมในการสงเคราะห์คนพิการ และคนตาบอดโดยไม่ได้ให้กรอกรายละเอียดในเอกสารใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อ และมอบบัตรประจำตัวประชาชนให้ไป เบื้องต้นกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแนะนำให้ชาวบ้านที่ถูกหลอกลวงไปที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดต่างๆ เพื่อเจ้าหน้าที่พัฒนาธุรกิจการค้าจะได้แนะนำให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น อาจให้ไปดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะดำเนินการตรวจสอบในเชิงลึกตามขั้นตอน และวิธีการทางกฎหมาย ซึ่งหากพบว่าชาวบ้านถูกหลอกจริง กรมพัฒนาธุรกิจการค้าพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และหากประชาชนสงสัยหรือเข้าข่ายว่า ตนเองจะถูกหลอกลวง โดยมีกลุ่มบุคคล หรือนายหน้ามาขอบัตรประจำตัวประชาชนไป หรือได้รับความเดือดร้อนจากกรณีดังกล่าวให้รีบติดต่อสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าในจังหวัดที่อาศัยอยู่ หรือสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าทุกแห่งโดยด่วนเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจถูกหลอกลวงจากบุคคลที่ไม่หวังดี
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการแอบอ้างนำบัตรประจำตัวประชาชนของชาวบ้านมาทำการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทเกี่ยวกับการค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเตรียมเรียกผู้แทนนิติบุคคลตัวแทนค้าสลากฯ ทั่วประเทศ 21,073 ราย ให้ยืนยันตัวตน และรับรู้สถานะการจดทะเบียนฯ เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และอาจสร้างความเสียหายแก่ประชาชนในวงกว้าง
ทั้งนี้ ระหว่างปี 2553 – 2555 ได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทที่มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นจำนวนมากจนผิดสังเกต ดังนั้น ปลายปี 2556 จึงกำหนดมาตรการเพื่อตรวจสอบการมีตัวตนของผู้ที่เข้ามาเป็นหุ้นส่วน กรรมการและผู้ถือหุ้นในการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทที่มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลอย่างเข้มงวด ทำให้ในปี 2557 มีการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทที่มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการค้าสลากเพียง 166 ราย โดยลดลงจากปี 2556 ถึงจำนวน 5,058 ราย คิดเป็นร้อยละ 96.82
