บุรีรัมย์ - ตร. ทหาร ฝ่ายปกครองบุรีรัมย์จับแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหดร้อยละ 20 ต่อวัน ได้ผู้ต้องหา 8 คน ซ้ำข่มขู่ลูกหนี้ทั้งชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้า ขรก. ครู จนไม่กล้าออกจากบ้านไปทำงาน บางรายกลัวถูกทำร้ายถึงกับร่ำไห้ ถูกตั้งข้อหาขัดคำสั่ง คสช. พร้อมเตรียมขยายผลจับกุมนายทุนใหญ่ และเครือข่ายอีกหลายกลุ่ม
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (18 ก.พ.) พ.ต.อ.สนอง วรรณโคตร ผกก.สภ.สตึก จ.บุรีรัมย์, นายเกรียงศักดิ์ สมจิตร ปลัดอาวุโส อำเภอสตึก และ พ.ต.ชยกฤช เอี่ยมรัมย์ ผู้แทนกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ ได้ร่วมกันจับกุมแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด ได้ผู้ต้องหา 8 คน
ประกอบด้วย 1. นายวิทยา สาครเจริญ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 265 หมู่ 2 ต.เจริญศิลป์ อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร 2. นายประสาน ภาคโพธิ์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133 หมู่ 5 ต.สุขฤทัย อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี 3.นายอนิน กองสุข อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 293/5 ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี 4. นายสุทัศน์ มีอุบล อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 208 หมู่ 2 ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว
5. นายสมรัตน์ ศรีสุวรรณ์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 337 หมู่ 3 ต.ตาดทอง อ.เมือง จ.ยโสธร 6. นายสราวุฒิ ตรีมูล อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 หมู่ 3 ต.บ้านแฮด อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น 7. นายสมชาย ทักษิณ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/783 หมู่ 3 แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ และ 8. นายศรายุธ ขวัญสัมฤทธิ์ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ 6 ต.บ้านใหม่คลองเคียน อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี
พร้อมของกลาง สมุดบัญชีเก็บเงินลูกหนี้รายวัน จับกุมได้ที่ถนนบ้านคูขาด ต.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ โดยกล่าวหาให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ตาม พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 (ม.3)
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ นายรังสิกร ทิมาตฤกะ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ จำนวนกว่า 20 รายว่าถูกแก๊งเงินกู้นอกระบบดักทวงเงินและข่มขู่ทุกวัน เนื่องจากไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ยรายวันที่สูงถึงวันละ 500-15,000 บาท เป็นระยะเวลา 1 ปีแต่เงินต้นก็ไม่ลด
โดยปล่อยเงินกู้รูปแบบเดียวกันรายละไม่เกิน 1 หมื่นบาท ภายในเวลา 24 วัน เก็บดอกเบี้ยรายวันร้อยละ 20 ต่อวัน เช่น บางรายได้กู้ยืมเงินยอดเงินต้น 10,000 บาท แต่ถูกหักดอกเบี้ยล่วงหน้า 2,000 บาท ทำให้ได้เงินเพียง 8,000 บาท เป็นต้น และต้องจ่ายดอกเบี้ยต่อเนื่องทุกวัน ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย และข้าราชการในอำเภอสตึก
โดยเจ้าหน้าที่จะทำการขยายผลไปยังนายทุนใหญ่ รวมทั้งเครือข่ายซึ่งทำหน้าที่เก็บดอกเบี้ยรายวันซึ่งพบว่ายังมีอีกหลายกลุ่ม
ทั้งนี้ จากข้อมูลเชิงลึกพบว่าแก๊งหมวกกันน็อกจะขี่รถตระเวนเลือกเหยื่อที่เป็นชาวบ้าน หากลูกค้ารายไหนไม่จ่ายเงินรายวันตามกำหนดจะข่มขู่คนแก่ที่เฝ้าบ้านหลังลูกหลานที่เป็นลูกหนี้ไม่มีเงินจ่ายดอกรายวัน ลูกค้าที่เป็นครูถึงขนาดไม่กล้าไปโรงเรียน จึงแจ้งข้อหาขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้มีอิทธิพล ข่มขู่เรียกเก็บเงินจากธุรกิจดอกเบี้ยรายวัน นำมาบันทึกทำประวัติดำเนินการต่อไป
นายรังสิกร ทิมาตฤกะ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า สาเหตุที่ชาวบ้านต้องไปกู้เงินนอกระบบมาเนื่องจากต้องนำเงินไปใช้จ่ายในครอบครัว และหนี้สินต่างๆ แต่ถ้าวันไหนไม่ส่งเงินแก๊งดังกล่าวก็จะมาข่มขู่ดุด่า ประจานให้อาย และขู่ว่าจะทำร้ายร่างกาย บางรายกลัวถูกทำร้ายถึงกับร่ำไห้ ถือว่าเป็นการขัดคำสั่งของ คสช. จึงประสานเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าจับกุมควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (18 ก.พ.) พ.ต.อ.สนอง วรรณโคตร ผกก.สภ.สตึก จ.บุรีรัมย์, นายเกรียงศักดิ์ สมจิตร ปลัดอาวุโส อำเภอสตึก และ พ.ต.ชยกฤช เอี่ยมรัมย์ ผู้แทนกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ ได้ร่วมกันจับกุมแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด ได้ผู้ต้องหา 8 คน
ประกอบด้วย 1. นายวิทยา สาครเจริญ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 265 หมู่ 2 ต.เจริญศิลป์ อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร 2. นายประสาน ภาคโพธิ์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133 หมู่ 5 ต.สุขฤทัย อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี 3.นายอนิน กองสุข อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 293/5 ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี 4. นายสุทัศน์ มีอุบล อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 208 หมู่ 2 ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว
5. นายสมรัตน์ ศรีสุวรรณ์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 337 หมู่ 3 ต.ตาดทอง อ.เมือง จ.ยโสธร 6. นายสราวุฒิ ตรีมูล อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 หมู่ 3 ต.บ้านแฮด อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น 7. นายสมชาย ทักษิณ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/783 หมู่ 3 แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ และ 8. นายศรายุธ ขวัญสัมฤทธิ์ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ 6 ต.บ้านใหม่คลองเคียน อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี
พร้อมของกลาง สมุดบัญชีเก็บเงินลูกหนี้รายวัน จับกุมได้ที่ถนนบ้านคูขาด ต.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ โดยกล่าวหาให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ตาม พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 (ม.3)
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ นายรังสิกร ทิมาตฤกะ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ จำนวนกว่า 20 รายว่าถูกแก๊งเงินกู้นอกระบบดักทวงเงินและข่มขู่ทุกวัน เนื่องจากไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ยรายวันที่สูงถึงวันละ 500-15,000 บาท เป็นระยะเวลา 1 ปีแต่เงินต้นก็ไม่ลด
โดยปล่อยเงินกู้รูปแบบเดียวกันรายละไม่เกิน 1 หมื่นบาท ภายในเวลา 24 วัน เก็บดอกเบี้ยรายวันร้อยละ 20 ต่อวัน เช่น บางรายได้กู้ยืมเงินยอดเงินต้น 10,000 บาท แต่ถูกหักดอกเบี้ยล่วงหน้า 2,000 บาท ทำให้ได้เงินเพียง 8,000 บาท เป็นต้น และต้องจ่ายดอกเบี้ยต่อเนื่องทุกวัน ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย และข้าราชการในอำเภอสตึก
โดยเจ้าหน้าที่จะทำการขยายผลไปยังนายทุนใหญ่ รวมทั้งเครือข่ายซึ่งทำหน้าที่เก็บดอกเบี้ยรายวันซึ่งพบว่ายังมีอีกหลายกลุ่ม
ทั้งนี้ จากข้อมูลเชิงลึกพบว่าแก๊งหมวกกันน็อกจะขี่รถตระเวนเลือกเหยื่อที่เป็นชาวบ้าน หากลูกค้ารายไหนไม่จ่ายเงินรายวันตามกำหนดจะข่มขู่คนแก่ที่เฝ้าบ้านหลังลูกหลานที่เป็นลูกหนี้ไม่มีเงินจ่ายดอกรายวัน ลูกค้าที่เป็นครูถึงขนาดไม่กล้าไปโรงเรียน จึงแจ้งข้อหาขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้มีอิทธิพล ข่มขู่เรียกเก็บเงินจากธุรกิจดอกเบี้ยรายวัน นำมาบันทึกทำประวัติดำเนินการต่อไป
นายรังสิกร ทิมาตฤกะ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า สาเหตุที่ชาวบ้านต้องไปกู้เงินนอกระบบมาเนื่องจากต้องนำเงินไปใช้จ่ายในครอบครัว และหนี้สินต่างๆ แต่ถ้าวันไหนไม่ส่งเงินแก๊งดังกล่าวก็จะมาข่มขู่ดุด่า ประจานให้อาย และขู่ว่าจะทำร้ายร่างกาย บางรายกลัวถูกทำร้ายถึงกับร่ำไห้ ถือว่าเป็นการขัดคำสั่งของ คสช. จึงประสานเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าจับกุมควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป