เชียงราย - สี่ประเทศลุ่มน้ำโขงตอนบน “ไทย พม่า ลาว จีน” ร่วมลาดตระเวนในน้ำโขงครั้งประวัติศาสตร์ สกัดขบวนการค้ายาเสพติด หลังพบถูกใช้ขนยาบ้ามากกว่า 200-300 ล้านเม็ด ไอซ์อีก 3,500 กก.ผ่านเข้าไทย แต่จับได้แค่ 10% เท่านั้น
วันนี้ (12 ก.พ.) นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ไทย พร้อมผู้แทนจาก 4 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง คือ ไทย สปป.ลาว พม่า และจีน ได้เดินทางด้วยเรือแม่น้ำโขงออกลาดตระเวนร่วมในแม่น้ำโขงชายแดนไทย-สปป.ลาว-พม่า ตั้งแต่ อ.เชียงแสน-เมืองมอม แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน ประมาณ 17 กิโลเมตร
หลังชาติสมาชิกได้เปิดศูนย์ประสานงานแม่น้ำโขงปลอดภัย หรือ Safe Mekong Coordination Center (SMCC) ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ณ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อต่อต้านเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งในการลาดตระเวนครั้งนี้ถือเป็นแผนของศูนย์ในระยะที่ 2 เพื่อให้แต่ละฝ่ายได้ทราบถึงภูมิประเทศ การปฏิบัติงานเพื่อร่วมกันสกัดกั้นต่อไป
นายเพิ่มพงษ์กล่าวว่า การลาดตระเวนร่วมครั้งนี้ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างประเทศในเชิงรุก และเป็นสัญญาณที่ดีในการประสานงานทางการข่าว-การปฏิบัติ เพื่อควบคุมและหยุดยั้งการลักลอบนำเข้ายาเสพติด ถือเป็นการติดตามผลการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้ง 4 ประเทศ เช่น การลาดตระเวนของ สปป.ลาว จากเมืองมอม, การลาดตระเวนของจีนจากท่าเรือเมืองกวนเหล่ย และการตรวจค้นเรือสินค้า ฯลฯ จากนั้นจะนำเข้าสู่การประชุมวิเคราะห์สถานการณ์ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติร่วมกันต่อไป
นายเพิ่มพงษ์กล่าวอีกว่า ตั้งแต่มีการเปิดปฏิบัติการหลังการตั้งศูนย์ถึงวันที่ 6 ก.พ. แต่ละประเทศมีผลปฏิบัติรวมกันทั้งหมด 839 ครั้ง เป็นการตั้งจุดตรวจจุดสกัด 166 ครั้ง ปิดล้อมตรวจค้น 97 ครั้ง ลาดตระเวนทางน้ำ 108 ครั้ง สืบสวนหาข่าวและปฏิบัติการ 372 ครั้ง ติดตามบุคคลตามหมายจับ 32 คน และเฝ้าตรวจและซุ่มโจมตีขบวนการค้ายาเสพติด 64 ครั้ง มีการจับกุมคดียาเสพติด 587 คดี ผู้ต้องหา 741 คน ของกลางยาบ้าประมาณ 4 ล้านเม็ด เฮโรอีน 180 กิโลกรัม ยาไอซ์ 37 กิโลกรัม และสารซูโดอีเฟรดีน 293 กิโลกรัม
ทั้งนี้ แม่น้ำโขง นอกจากจะเป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดแล้ว ยังมีการลักลอบขนสารตั้งต้นผ่านเรือในแม่น้ำโขง โดยเฉพาะกาเฟอีน ไปยังแหล่งผลิตครั้งละหลายร้อยกิโลกรัม โดยพบนำมาจากประเทศเวียดนาม จนสามารถจับกุมได้ 2 คดีในปี 2556 ซึ่งคดีหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 เม.ย. 2556 พบผู้ต้องหา 3 คน ของกลางกาเฟอีน 524 กิโลกรัม และผู้ต้องหาให้การว่ารับของกลาง ซึ่งขนข้ามแม่น้ำโขงแถบเมืองเชียงกก แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว มายังเมืองเชียงลาบ จ.ท่าขี้เหล็ก เพื่อจะนำไปส่งเมืองสาด รัฐฉาน ตรงกันข้าม อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย และ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
สำหรับเมืองท่าแม่น้ำโขงที่มีความสำคัญ คือ ท่าเรือสบหรวย อยู่ในเขตปกครองพิเศษที่ 2 เมืองลา รัฐฉาน ของกลุ่มพันธมิตรเมืองลา (NDAA) ห่างจาก อ.เชียงแสน ประมาณ 195 กิโลเมตร ซึ่งการข่าวระบุว่ามีการลักลอบนำยาเสพติดจากพื้นที่อิทธิพลของกลุ่มว้า กลุ่มโกกั้ง และกลุ่มเมืองลา คือ ยาบ้า ยาไอซ์ และเฮโรอีน ซุกซ่อนปนมากับเรือสินค้าในแม่น้ำโขงมากที่สุด
ส่วนเมืองเชียงลาบตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านเชียงกก เมืองลอง แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว ถูกระบุว่าเป็นพื้นที่ลักลอบลำเลียงและพักยาเสพติด ปากแม่น้ำรินหรือสบรินหรือสบเลน ซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำโขง เป็นจุดเชื่อมระหว่างพม่า-สปป.ลาว-เวียดนาม และลงใต้สู่ประเทศไทย จึงเป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดของหลายกลุ่ม
ขณะที่บ้านสามพู จ.ท่าขี้เหล็ก ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำประมาณ 25 กิโลเมตร เคยเป็นเขตอิทธิพลของนายหน่อคำ ที่เคยอาละวาดเก็บค่าคุ้มครองและค้ายาเสพติดแต่ถูกทางการจีนจับก่อนประหารชีวิตไปแล้วหลังไปก่อเหตุปล้นและฆ่าลูกเรือชาวจีน 2 ลำเมื่อปี 2554
นอกจากนี้ยังมีเมืองท่าที่ถูกจับตา เช่น บ้านโป่ง เมืองพง ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำประมาณ 5 กิโลเมตร บ้านป่าแลว ห่างจาก อ.แม่สาย ประมาณ 60 กิโลเมตร สามารถเชื่อมกับเมืองเชียงกก สปป.ลาว ฯลฯ
ส่วนท่าเรือ สปป.ลาวที่ถูกจับตาคือ ท่าเรือบ้านเชียงกก ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำประมาณ 82 กิโลเมตร ซึ่งเมื่่อปี 2554 มีการตรวจยึดเรือที่ขนลำเลียงยาเสพติดได้กว่า 20 กระสอบ, บ้านมอม อยู่ในเขตเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ซึ่งก็เคยมีการจับกุมยาเสพติดหลายครั้ง รวมถึงเมืองห้วยทราย ตรงข้าม อ.เชียงของ จ.เชียงราย
ด้านประเทศไทยพบว่าพื้นที่ อ.แม่สาย อ.เชียงแสน อ.เชียงของ อ.เวียงแก่น อ.แม่จัน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย มีปัญหาเรื่องยาเสพติดที่สืบเนื่องมาจากแม่น้ำโขงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต้องทำการสกัดกั้นตลอดแนวจนมีการจับกุม และตรวจยึดได้หลายครั้ง
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า นับตั้งแต่ 4 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขงได้ร่วมมือกันลาดตระเวนในแม่น้ำโขงหลังเหตุการณ์ปราบปรามกลุ่มนายหน่อคำ หรือ Safe Mekong ครั้งแรก ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.-20 มิ.ย. 2556 ก็ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างภาครัฐระหว่างกันมากขึ้น ทำให้แต่ละประเทศมีการจับกุมดำเนินคดียาเสพติดที่ใช้แม่น้ำโขงลำเลียงรวมกันตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมากว่า 1,590 คดี ผู้ต้องหา 2,241 คน ของกลางยาบ้า 31.6 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 170 กิโลกรัม เฮโรอีน 973 กิโลกรัม และสารตั้งต้นน้ำหนัก 225.5 ตัน
อย่างไรก็ตาม ภายหลังปฏิบัติการดังกล่าวขบวนการค้ายาเสพติดยังคงใช้แม่น้ำโขงในการลำเลียงอยู่ แม้ทาง สปป.ลาว และพม่าจะทำการลาดตระเวนในเขตแดนของตนแต่ก็ไม่สามารถสกัดกั้นได้ทั้งหมด
โดยมีการประมาณการกันว่า ในปี 2557 มียาบ้าที่ถูกลำเลียงผ่านแม่น้ำโขงกว่า 200-300 ล้านเม็ด ยาไอซ์ปีละ 3,500 กิโลกรัม ขณะที่การจับกุมของประเทศไทยสามารถทำได้เพียงร้อยละ 10 หรือเฉลี่ยปีละ 20 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 400-500 กิโลกรัม คาดว่ามียาบ้าและยาไอซ์กว่าร้อยละ 70-80 ถูกลำเลียงเข้าสู่ไทย และประเทศอื่นๆ