เชียงราย - ระดับน้ำโขงแห้งลงต่อเนื่อง ล่าสุดชายแดนเชียงแสนลึกเพียง 2.26 เมตร ขณะที่ “ป่าเหลียว-พม่า” เหลือไม่ถึงเมตร สันดอนทรายโผล่เต็มท้องน้ำ ทำให้เรือสินค้า-ท่องเที่ยวน้อยใหญ่เกยตื้นกันระนาว แม้แต่เรือเปล่ายังติดเกาะ
วันนี้ (27 ม.ค.) สำนักงานอุทกวิทยา อ.เชียงแสน จ.เชียงราย รายงานว่า ระดับน้ำในแม่น้ำโขง บริเวณ อ.เชียงแสน ชายแดนไทย-สปป.ลาว อยู่ที่ 2.26 เมตร ซึ่งถือว่าตื้นกว่าทุกวันที่ผ่านมา และต่ำกว่าระดับที่สามารถเดินเรือได้อย่างปลอดภัย คือตั้งแต่ 2.30 เมตรขึ้นไป ทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงเดือนเมษายนปีนี้
ขณะที่ในลำน้ำโขงได้มีหาดทรายโผล่ขึ้นมาให้เห็นชัดเจน และร่องน้ำสำหรับการเดินเรือขนาดใหญ่ก็มีจำกัด ทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือมากขึ้น จนผู้ประกอบการเดินเรือสินค้าขนาดใหญ่จำนวนมากตัดสินใจนำเรือเทียบท่าบริเวณท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 1 ต.เวียงเชียงแสน รอให้น้ำโขงขึ้นอีกครั้ง มีเพียงเรือสินค้าสัญชาติลาวที่กินน้ำตื้นและบรรทุกสินค้าได้ไม่เกิน 100 ตัน แล่นไปมาระหว่างท่าเรือเมืองต้นผึ้ง เมืองมอม แขวงบ่อแก้ว กับท่าเรือในฝั่ง อ.เชียงแสน
น.ส.ผกายมาศ เวียร์ร่า กรรมการผู้จัดการบริษัท แม่โขงเดลต้า ทราเวล เอเจนซี่ จำกัด ผู้ประกอบกิจการเดินเรือนำเที่ยวในแม่น้ำโขง เปิดเผยว่า ตอนนี้น้ำโขงในเส้นทางเดินเรือ ตั้งแต่ อ.เชียงแสน ไปยังเมืองสบหรวย ประเทศพม่า ห่างจากเชียงแสนประมาณ 195 กิโลเมตร กระทั่งถึงเมืองกวนเหล่ย เมืองท่าหน้าด่านของจีนตอนใต้ ห่างออกไปประมาณ 263 กิโลเมตรลดลงมาก
โดยเฉพาะเมืองป่าเหลียว ประเทศพม่า เป็นจุดที่ระดับน้ำตื้นที่สุด จนทำให้เรือสินค้าทั้งของจีนและ สปป.ลาว พากันจอดรออยู่กลางแม่น้ำ และริมฝั่งกว่า 70 ลำ เนื่องจากระดับน้ำลดลงเหลือแค่ประมาณ 70 เซนติเมตร ทำให้เรือไม่สามารถแล่นผ่านไปมาได้ เพราะท้องเรือติดทรายหรือเกยตื้นได้ แม้แต่เรือเปล่าที่ทดลองแล่นผ่านเมืองป่าเหลียวยังเกยตื้นแล้วหลายลำ ต้องรอให้ตะกอนทรายหายไปก่อนถึงจะแล่นต่อไป ขณะที่เรือนำเที่ยวของบริษัท คือ เรือกาสะลองคำ 1 ซึ่งจะนำนักท่องเที่ยวเดินทางจาก อ.เชียงแสนไปยังจีนตอนใต้ วันที่ 28 ม.ค.นี้ต้องเลื่อนไปชั่วคราวก่อนแล้ว
สำหรับสาเหตุที่แม่น้ำโขงแห้งลงอย่างรวดเร็ว จนกระทบต่อการเดินเรือสินค้า-ท่องเที่ยว คาดว่าเกิดจากเขื่อนเชียงรุ้ง เมืองเชียงรุ่งหรือจิ่งหง เขตปกครองตนเองชนชาติไทลื้อสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ลดระดับการปล่อยน้ำจากวันละ 1,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เหลือ 1,000-1,200 ลูกบาศก์เมตร ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.เป็นต้นมา
