ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ไฮโซเมืองขอนแก่นรุดให้ปากคำตำรวจ หลังแจ้งความเอาผิดร้านเพชรชื่อดังในห้างเซ็นทรัลปฏิเสธไม่รับซื้อเพชรคืน ขณะที่เจ้าของร้านส่งทนายความเข้าต่าง ลูกค้าโวยไม่ทำตามสัญญา อ้างภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ลูกค้าเปลี่ยนแปลงสภาพเพชร ชี้ขายคืนเป็นสิทธิที่ลูกค้าทำได้
วันนี้ (4 ก.พ.) ที่ สภ.เมือง จ.ขอนแก่น นางสาวภิญญาดา นามตาแสง อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/8 หมู่ 9 ต.กุดน้ำใส อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น นางสาวสุภาพรรณ เหลานอก อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 509/11 ถนนเทิดไท แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพมหานคร พานายกรัสนัย พันธ์เหลา ทนายความส่วนตัวผู้เสียหาย นำหลักฐานเป็นใบรับประกันสินค้าเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้เข้าแจ้งความเอาผิดร้านเพชรลดา จิวเวลรี่ ตั้งอยู่ในห้างเซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น ที่ไม่รับซื้อเพชรคืนตามสัญญา ส่วนคู่กรณีส่งทนายความเข้าพบตำรวจเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา
นางสาวภิญญดากล่าวว่า ซื้อเพชรจากร้านเพชรลดา จิวเวลรี่ รวม 6 รายการ ประกอบด้วย ต่างหูเพชร สร้อยห่วงเพชร และแหวนเพชร โดยทยอยซื้อมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2555 มูลค่ารวมกว่า 500,000 บาท โดยมีใบรับประกันสินค้าครบทุกรายการ แต่เมื่อต้องการนำเพชรไปเปลี่ยนใหม่ และต้องการขายคืนเพื่อนำเงินมาหมุนใช้ทำธุรกิจบ้าง กลับถูกทางร้านปฏิเสธและบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด
“จากการตรวจสอบใบรับประกันสินค้าพบว่าทางร้านลงรายละเอียดในเอกสารผิด โดยเฉพาะกรณีการขายคืนสินค้าให้กับทางร้าน ซึ่งเดิมตกลงกันที่ค่าเสียหาย 15% แต่ทางร้านเขียนลงเองใหม่ในเอกสารที่คิดค่าเสียหายเป็น 25% ทั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาทำลายชื่อเสียงร้านเพชร แต่มองว่าเป็นสิทธิ์ของลูกค้าที่จะเปลี่ยนหรือคืนสินค้าได้”
ขณะที่นางสาวสุภาพรรณกล่าวว่า ซื้อแหวนเพชรจากร้านเพชรลดา จิวเวลรี่ ราคา 185,000 บาท เมื่อปลายปี 2556 ด้วยความชอบส่วนตัว และเลือกซื้อจากร้านเพราะน่าเชื่อถือ และดูภูมิฐาน โดยซื้อแหวนเพชรและสร้อยเพชรมาเก็บไว้ เมื่อต้องการขายคืน ทางร้านเพชรลดา จิวเวลรี่กลับปฏิเสธไม่รับซื้อคืน ทั้งถูกต่อว่าว่าเป็นสินค้ามือสองหรือไปดัดแปลงสภาพมา ทั้งที่แหวนเพชรดังกล่าวซื้อมาในราคาเต็ม และพร้อมจ่ายค่าเสียหาย แต่ทางร้านอ้างภาวะเศรษฐกิจไม่ดี และไม่รับซื้อคืน ทำให้ลูกค้าที่ซื้อเพชรจากร้านดังกล่าวไม่มั่นใจสภาพคล่องของร้าน รวมถึงสินค้า แม้จะมีใบรับประกันก็ตาม
“ได้พยายามติดต่อเจ้าของร้านเพื่อเจรจาตามสัญญาในใบประกันสินค้าก็ไม่สามารถติดต่อได้ ปิดร้านหนีบ้าง จึงได้โพสต์ข้อความไว้ในเพจต่างๆ พบว่ามีผู้เสียหายในลักษณะเดียวกัน 3 ราย จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ และเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้เข้าร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่นด้วย ทั้งนี้จากการตรวจสอบใบรับประกันสินค้าของผู้เสียหายทั้งหมด พบว่าใบรับประกันสินค้าไม่มีมาตรฐาน โดยแต่ละฉบับไม่เหมือนกัน จึงขอให้ทางร้านทำตามเงื่อนไข แต่ทางร้านไม่ทำ จึงขอเรียกร้องสิทธิ์คืนเท่านั้น”
ด้าน พ.ต.ต.ปุณณริศว์ ธนานันทเศรษฐ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สภ.เมือง กล่าวว่า การมาให้ปากคำเพิ่มเติมในส่วนของผู้เสียหายคงไม่พอ ทางคู่กรณีหรือเจ้าของร้านเพชรต้องมาให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยเช่นกันเพื่อความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายในการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานให้ครบถ้วน หากฝ่ายใดผิดว่าไปตามผิด ซึ่งจะดำเนินคดีตามกฎหมายสูงสุดต่อไป