กระบี่ - ตุ๋นสาวใหญ่เมืองกระบี่ ขอแต่งงานผ่านเว็บไซต์หาคู่ ล่อสาวไทยส่งแหวน พร้อมเครื่องประดับมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท มาให้ทางพัสดุ หลงเชื่อยอมโอนเงินกว่า 1.3 แสนบาท เพื่อดำเนินการวิ่งเต้นเอาทรัพย์สิน สุดท้ายถูกหลอก
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (26 พ.ย.) น.ส.ขนิษฐา ปิติ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 ถ.ถนนเมืองเก่า ต.กระบี่ใหญ่ อ.เมือง จ.กระบี่เข้าร้องเรียนต่อ นายธีระ ชูเชิด หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ ว่า ได้รู้จักชาวต่างชาติผ่านเว็บไซด์หาคู่ โดยมีการพูดคุยผ่านทางอีเมลจนพอใจกัน และฝ่ายชายได้ขอแต่งงานด้วย โดยส่งแหวนหมั้นผ่านทางพัสดุของเอกชน พร้อมส่งเมลบอกว่า ในกล่องพัสดุไม่ได้มีเพียงแหวนหมั้น แต่ยังมีสร้อยเพชร นาฬิกา ของมีค่าอื่นๆ รวมทั้งเงินสดอีก 1.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 40 ล้านบาท
โดยมีตัวแทนของบริษัทพัสดุเอกชน ระบุชื่อ วรรณา โทร.มาแจ้งว่าไม่สามารถนำพัสดุเข้าได้เนื่องจากสแกนพบเงินในกระเป๋าติดอยู่ที่ด่าน ตม. ให้ น.ส.ขนิษฐา โอนเงินค่าดำเนินการต่างๆ ไปให้รวม จำนวน 5 ครั้ง เป็นเงิน 130,000 บาท หลังจากประมวลเหตุการณ์แล้ว ทางศูนย์ดำรงธรรมกระบี่ เห็นว่า น.ส.ขนิษฐา น่าจะโดนหลอกลวงจึงได้นำเข้าแจ้งความเพื่อให้ติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อ ร.ต.อ.โสภณ คงทอง ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองกระบี่
สอบสวน น.ส.ขนิษฐา ทราบว่า ตนมีอาชีพดูแลเว็บไซต์ และเมื่อประมาณ 6-7 เดือนที่ผ่านมา ได้รู้รักกับ Mr.Mark Hall ชาวเบลเยียม ผ่านทางเว็บไซต์ Thai cupid.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์หาคู่ หลังจากที่มีการพูดคุยกันผ่านอีเมลอยู่นาน ก็รู้สึกชอบพอกัน จนฝ่ายชายได้ขอแต่งงานเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งตนก็ตอบรับตกลงทันที โดยฝ่ายชายบอกว่า จะส่งแหวนหมั้นมาให้ทางพัสดุ ตนรู้สึกดีใจมาก และหลังจากนั้นไม่นาน ก็ส่งอีเมลตามมาอีก บอกว่ากล่องพัสดุที่ส่งมานั้นนอกจากมีแหวนหมั้นแล้ว ยังมีสร้อยเพชร นาฬิกา กระเป๋าหรู โทรศัพท์ น้ำหอม และเงินสดอีก 1,300,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ต่อมา ได้มีตัวแทนของบริษัทพัสดุ ชื่อ วรรณา โทร.มาหาตนบอกว่าพัสดุที่ทาง Mr.Mark Hall ส่งมาถึงประเทศไทยแล้ว แต่นำออกไปไม่ได้ เนื่องจากถูกกักอยู่ที่ด่าน ให้ตนโอนเงินค่าจัดการไปให้ครั้งแรก จำนวน 3 หมื่นบาท ซึ่งตนหลงเชื่อก็ได้โอนเงินไปให้ตามที่นางวรรณา ขอมา ต่อมา นางวรรณา คนเดิมก็ได้โทร.มาหาอีก บอกว่า ต้องเสียค่าผ่านทางให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และค่าอื่นๆ อีก รวม 130,000 บาท แต่ก็ยังไม่ได้พัสดุ จึงเอะใจได้เข้าขอคำปรึกษาต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ และแจ้งความในที่สุด
ในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า นางขนิษฐา ถูกหลอกลวงอย่างแน่นอน และมีการทำกันเป็นขบวนการ ซึ่งจะได้รวบรวมพยานหลักฐาน และติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป และขอเตือนประชาชนหากมีเหตุลักษณะดังกล่าวอย่าหลงเชื่ออย่างเด็ดขาด