พระนครศรีอยุธยา - ผบก.อยุธยา เรียกประชุมหลังเกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบฝ่ายขับรถกระบะพรีรันเนอร์ 4 ประตูสีดำ ยิงถล่มรถอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู จุดอุทัย คาดสาเหตุมาจากเรื่องแย่งตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล สั่ง ตร.เร่ง แกะรอยล่ามือมือปืนมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (3 ก.พ.) ที่สถานีตำรวจอุทัย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.สุริยา อยู่แพทย์ ผกก.สภ.อุทัย พ.ต.ท.รามณรงค์ เกรียติบุญเกิด รอง ผกก.สส.สภ.อุทัย นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ปภ.) พระนครศรีอยุธยา ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนกรณีเมื่อเวลา 01.00 น.ของวันนี้ (3 ก.พ.) รถของอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู จุดอุทัย ถูกคนร้ายใช้รถกระบะโตโยต้า พรีรันเนอร์ 4 ประตู สีดำ ไม่ทราบทะเบียน ใช้อาวุธปืนยิงถล่มใส่ขณะจอดอยู่บริเวณทางเข้าวัดโคกช้าง ริมถนนสายอุทัย-ภาชี ต.อุทัย อ.อุทัย ทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย 2 คัน
โดย นายเผด็จ ลายนารี อายุ 29 ปี อาสาสมัครร่วมกตัญญู จุดอุทัย เปิดเผยว่า ก่อนที่รถจะถูกยิงนั้นตนได้รับแจ้งจากศูนย์กู้ชีพโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาว่า มีผู้ป่วยขอความช่วยเหลือต้องการไปโรงพยาบาล อยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อทางเข้า สภ.อุทัย จึงไปตรวจสอบ แต่ขณะกำลังจะจอดรถได้มีรถยนต์ของอาสามูลนิธิอีกแห่งหนึ่งขับมาปาดหน้าแล้วได้เข้าไปเคลื่อนย้ายผู้ป่วยนำส่งโรงพยาบาล ตนจึงได้ถ่ายภาพเอาไว้เป็นหลักฐาน เพราะตามข้อตกลงของทางมูลนิธิที่ทำร่วมกับตำรวจ และจังหวัด ว่า อาสาของมูลนิธิใดถึงก่อนจะต้องเป็นผู้ดำเนินการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ จนเกิดการโต้เถียง และขับรถปาดหน้ารถกัน จากนั้นต่างฝ่ายจึงได้แยกย้ายกันไป
ต่อมา ระหว่างที่ตน และพวกจอดรถรอปฏิบัติหน้าที่ตรงทางเข้าวัดโคกช้าง ก็มีรถกระบะโตโยต้า พรีรันเนอร์ 4 ประตู สีดำ ไม่ทราบทะเบียน ขับมาใช้อาวุธปืนยิงถล่มใส่จนได้รับความเสียหาย โชคดีที่พวกตนวิ่งหลบหนีคมกระสุนได้ทัน จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ เชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มอาสาสมัครกู้ภัยที่เกิดความขัดแย้งกัน
ด้าน พล.ต.ต.เสริมคิด กล่าวว่า การสืบสวนติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงกลุ่มอาสาสมัครร่วมกตัญญู ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีเอง และอย่าไปปักใจเชื่อว่า เป็นกลุ่มอาสาสมัครต่างมูลนิธิเป็นผู้ก่อเหตุ เดี๋ยวจะเกิดการล้างแค้นกันไปมา
อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งสืบสวนติดตามจากพยานแวดล้อมต่างๆ รวมถึงกล้องวงจรปิดจะดำเนินคดีเด็ดขาด เพราะเป็นการก่อเหตุที่อุกอาจ และพยามฆ่า ในส่วนของปัญหาในการทำงานที่ขัดแย้งกันจะมีการประชุมร่วมกันกับอาสาทั้งสองมูลนิธิ เพราะได้มีการทำข้อตกลงเอาไว้ โดยจะมีการนำอาสาสมัครที่เป็นคู่กรณีกันไปเข้าค่ายของเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อทำความเข้าใจกัน และช่วยเหลือสังคมต่อไป