ASTVผู้จัดการ - เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิกู้ภัยร่มไทร กับป่อเต็กตึ๊งก่อเหตุทะเลาะวิวาทแย่งคนเจ็บกันอีกแล้วที่เขตหนองจอก เผยมีการด่าทอ ปาดหน้ารถ รุมทำร้าย เอาขวานจาม จนเป็นเรื่องถึงโรงพัก สน.ลำผักชี ชี้ต้นเหตุมาจากแย่ง “ใบค่าเคส” ต่อมาเคลียร์กันได้ไม่เรียกร้องค่าเสียหาย
เมื่อเวลา 23.00 น. วานนี้ (3 ม.ค.) ที่ สน.ลำผักชี นายพนาวุฒิ จูสุข อายุ 23 ปี เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สมคิด ตันสกุล พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญพิเศษ โดยมี พ.ต.ท.สมชาย ธรรมาสารตระกูล รอง ผกก.ป.ร่วมสังเกตการณ์ หลังจากทะเลาะวิวาทกันระหว่างมูลนิธิกู้ภัยร่มไทร กับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง บริเวณถนนสุวินทวงศ์ หมู่บ้านพัสสร 13 แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กทม. จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งได้นำส่ง รพ.เวชการุณย์รัศมิ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายพนาวุฒิกล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีเหตุทะเลาะวิวาทกันโดยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งออกปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ขณะเลี้ยวเข้าซอยหมู่บ้านนั้นได้มีรถของมูลนิธิร่มไทรเข้ามาปาดหน้าและมีการเฉี่ยวชนรถตู้ยี่ห้อโตโยต้าของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ทะเบียน ฮข 439 กรุงเทพมหานคร จนได้รับความเสียหาย 3 จุด เมื่อรถของตนและมูลนิธิร่มไทรถึงที่เกิดเหตุดังกล่าว ทางมูลนิธิร่มไทรก็ถอนตัวออกมาเพราะมีรถตู้เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งอีกคันหนึ่งถึงที่เกิดเหตุก่อนหน้านี้แล้ว ตนจึงถอนออกเช่นเดียวกัน ขณะที่ขับรถออกมาเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่มไทรตะโกนด่าว่าด้วยคำหยาบคาย ด้วยความโมโหจากเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ถูกขับรถปาดหน้าจึงหยุดรถและมีเหตุทะเลาะวิวาทกัน นายเสกสรรค์ พลกนิท์ อายุ 16 ปี ถูกกลุ่มมูลนิธิร่มไทรอาศัยจังหวะชุลมุน ลากไปทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บบริเวณแขนขวา
ต่อมา เวลา 01.00 น. วันนี้ (4 ม.ค.) บริเวณหน้า สน.ลำผักชี มีรถมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจำนวน 10 คันพร้อมเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกว่า 50 นายรวมตัวกันติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารจาก ร.2 พัน.3 รอ.จำนวน 5 นายคอยควบคุมสถานการณ์ พร้อมกับทางคู่กรณีมูลนิธิร่มไทรเดินทางมาที่ สน.ลำผักชี และให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่
นายศราวุธ จิตต์อำไพ อายุ 21 ปี เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่มไทร กล่าวว่า ก่อนมีเหตุทะเลาะวิวาทกันตนและสมาชิกของร่มไทร 9 คน รถตู้ 2 คันไปถึงที่เกิดเหตุและเข้าปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บจากการทะเลาะวิวาท แต่ผู้ได้รับบาดเจ็บไม่ต้องการทำการปฐมพยาบาลจึงเดินทางกลับ ในขณะที่กำลังขับรถออกมานั้นมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ขับรถมาขวางหน้ารถ และได้มองหน้ากันก่อนมีเหตุทะเลาะวิวาท ก่อนหนึ่งในสมาชิกมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งหยิบอาวุธขวานเข้ามาทำร้ายตนจนเป็นแผลบริเวณแขนและหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางด้านสถานการณ์บริเวณหน้า สน.ลำผักชี ยังส่อเค้าความรุนแรง และเริ่มมีปากเสียงกันระหว่างสองมูลนิธิ ทาง พ.ต.ท.สมคิด ตัดสินใจเชิญนายวิชาญ ตันสุริยวงศ์ เลขาธิการมูลนิธิร่มไทร ที่ถูกยอมรับจากคู่กรณีทั้งสองฝ่ายว่าเป็นคนกลางเข้ามาพูดคุยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง
นายวิชาญกล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการขัดแย้งระหว่างบุคคล ปัญหาเกิดจากความไม่เข้าใจกันระหว่างการแบ่งเขตพื้นที่รับผิดชอบ และหลังจากนี้จะมีการประชุมตรวจระบบความพร้อมการแพทย์ฉุกเฉินและแบบอธิบายการแบ่งเขตพื้นที่รับผิดชอบให้ชัดเจน ให้ทุกมูลนิธิรับคำสั่งการเข้าปฏิบัติหน้าที่จากศูนย์วิทยุของเอราวัณเพียงอย่างเดียว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บต่อไป และหากยังมีการทะเลาะวิวาทอยู่ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบหาตัวบุคคลเข้ามาทำการปลดออกจากมูลนิธิทันที แต่ถ้าเป็นปัญหาระหว่างกลุ่มก็จะทำการปิดจุดพื้นที่รับผิดชอบเพื่อเป็นการแก้ปัญหาการทะเลาะวิวาทซ้ำอีก
ทางด้านนายนิพนธ์ ทองประดิษฐ์ พนักงาน น.เขต หน่วยกู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง รหัส 428 กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้มีปัญหากันระหว่างสองมูลนิธินอกจากการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบแล้ว คือ ใบบันทึกการปฏิบัติงานบริการการแพทย์ฉุกเฉินระดับพื้นฐาน ของศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) หรือที่เรียกกันว่า “ใบค่าเคส” ใบบันทึกดังกล่าวทางศูนย์เอราวัณจะมอบบันทึกให้กับหน่วยกู้ภัยทุกหน่วยเพื่อใช้บันทึกการออกปฏิบัติหน้าที่ต่อครั้ง และให้ยื่นต่อโรงพยาบาล ซึ่งทางโรงพยาบาลจะจ่ายเงินกลับมาให้เป็นรายเดือน จำนวนเงินขึ้นอยู่กับจำนวนใบค่าเคสโดยเฉลี่ยแล้วทางโรงพยาบาลจะจ่ายให้เคสละ 500-1,000 บาท แยกไปตามประเภทการออกปฏิบัติการ อย่างไรก็ตาม ทางมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งไม่เคยส่งใบบันทึกดังกล่าวมานานแล้ว และมีเอกสารไม่รับค่าใช้จ่ายจากศูนย์เอราวัณชัดเจน เพราะเห็นว่าเป็นการทำงานที่หวังผลตอบแทน และเป็นสาเหตุที่ทำให้มูลนิธิแย่งกันทำงานแบบไม่ได้พึ่งพาอาศัยกัน บานปลายจนเกิดเหตุสลดมาหลายครั้ง
พ.ต.ท.สมคิดกล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ขึ้นได้เรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งสองฝ่ายให้หยุดออกปฏิบัติหน้าที่ในคืนนี้พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ทหารออกดูแลพื้นที่แทนเพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อน และระบุว่าเป็นการมีปัญหากันส่วนตัวเพราะมีการขับรถปาดหน้ากันมาแล้วหลายครั้ง เบื้องต้นได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน แต่ภายหลังจากการสอบสวนผู้เสียหายทั้งสองฝ่ายกลับยอมความ ไม่เรียกร้องค่าเสียหาย