จันทบุรี - โขลงช้างป่า 70 ตัว บุกไร่มันสำปะหลังของชาวบ้านเสียหายกว่า 20 ไร่ ขณะที่ช้างป่าบาดเจ็บสัตวแพทย์ได้ถอนกำลังกลับ หลังไม่สามารถดำเนินการยิงยาซึมใส่ช้างได้ เหตุช้างป่าบาดเจ็บไม่ยอมเดินแยกออกจากโขลง ขณะที่เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ยังจัดกำลังเฝ้าติดตามอาการบาดเจ็บที่ปลายงวงของช้างป่าอย่างใกล้ชิด
วันนี้ (2 ก.พ.) เมื่อเวลา 06.00 น.ผู้สื่อข่าวได้ติดคามความคืบหน้าโขลงช้างป่า 70 ตัว และช้างป่าบาดเจ็บอย่างใกล้ชิด ล่าสุด การดำเนินการยิงยาซึมใส่ช้างป่าบาดเจ็บที่ถูกสังกะสีบาดที่ปลายงวงหวิดขาดนั้น สัตวแพทย์จากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และสัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 ศรีราชา ที่แบ่งทีมออกเป็น 2 ทีม ในการใช้ความพยายามที่จะใช้ปืนยิงยาซึมใส่ช้างป่าบาดเจ็บมาร่วม 3 วัน
ล่าสุด การดำเนินการได้ล้มเหลวลงหลังไม่สามารถที่จะยิงยาซึมใส่ช้างป่าบาดเจ็บเพื่อนำตัวช้างป่าบาดเจ็บมารักษาได้ เนื่องจากช้างป่าที่บาดเจ็บไม่ยอมที่จะเดินแยกออกมาจากโขลงให้สัตวแพทย์ยิงยาซึมได้ง่ายๆ ประกอบกับกำลังเจ้าหน้าที่มีน้อยที่จะมีการผลักดันแยกโขลงช้างป่าได้ รวมทั้งเจ้างาบิดที่กำลังมีอาการตกมัน มีท่าทีดุร้ายเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าใกล้ จึงทำให้ทีมสัตวแพทย์มองสถานการณ์แล้วน่าจะไม่ปลอดภัยต่อตัวเจ้าหน้าที่ และทีมสัตวแพทย์เอง จึงทำให้ทีมสัตวแพทย์ต้องล้มเลิกในการยิงยาซึมใส่ช้างป่าที่บาดเจ็บลง
พร้อมทั้งถอนกำลังกลับที่ตั้งเพื่อนำผลไปรายงานต่อกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อหาแนวทางใหม่ในการเข้าพื้นที่เข้ามายิงยาซึมใส่ช้างป่าที่บาดเจ็บอีกครั้งหนึ่ง ส่วนในระยะนี้ก็ให้ นายพิทักษ์ ยิ่งยง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าติดตามอาการช้างป่าที่ได้รับบาดเจ็บตัวนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป ขณะที่โขลงช้างป่ากว่า 70 ตัว ที่กระจายโขลงออกเป็น 3 ชุด อยู่ใน 2 ตำบล คือ ตำบลพวา และตำบลสามพี่น้อง อำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี ยังคงสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านเป็นรายวัน ล่าสุด ได้บุกเข้าในไร่มันสำปะหลัง ของนางภาพิมล สรรพศรี อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/1 หมู่ที่ 6 ตำบลสามพี่น้อง อำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี ที่ปลูกกล้วยไข่แสม ถูกช้างป่าบุกกัดกินเหยียบย่ำเสียหายกว่า 20 ไร่ กล้วย และมันสำปะหลังเสียหาย แรงงานต้องวิ่งหนีตายหลังถูกช้างป่าวิ่งไล่
ด้าน นางภาพิมล สรรพศรี ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า ช้างป่าที่อยู่ในพื้นที่ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านบุกทำลายกล้วยไข่เสียหาย 1,500 กอ ต้นยางพารา ส่งผลทำให้รายได้ที่เคยได้ที่เคยได้อาทิตย์ละ 1,500-2,000 บาท ก็ต้องสูญเสียไป ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลบ้าง เพราะไม่รู้ว่าจะเฝ้าสวนยาง และอดหลับอดนอนไปอีกกี่วันก็ไม่รู้เพราะช้างป่าจะผ่านมาตรงนี้ทุกวัน